วันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

Alice in Wonderland (2010): อลิซ อิน ซีจีแลนด์


Alice in Wonderland (2010) :
น้า Tim Burton ได้ชื่อว่าเป็น ผกก.สุดเซอร์ที่เป็นตัวของตั้นเอง แต่เมื่อใดที่เขาโอนเอียงมาทางทำหนังเอาใจตลาดก็มักจะประสบความสำเร็จเสมอมา โดยผลงานล่าสุดของเขานี้ก็ประสบความสำเร็จสุดๆ จนได้ชื่อว่าเป็นหนังที่ทำเงินสูงสุดของเขา(989 ล้านเหรียญ) เป็นว่าที่หนังทำเงินสูงสุดประจำปีนี้ และรั้งอันดับ 6 ของหนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลอีกด้วย แบบนี้เรียกว่านอกจากตั้นจะเป็นตัวของตั้นเองแล้ว ตั้นยังรวยของตั้นเองอีกด้วยนะเนี่ย อิอิ


ป๋าเด็ปป์มาในสภาพสุดเหวอ
ถึงชื่อเรื่องจะเหมือนกับว่าเอานิยาย Alice in Wonderland อันแสนคลาสสิคของ Lewis Carroll มาสร้างเป็นหนังอีก (ซึ่งนับตั้งแต่อดีตก็มีทำเป็นหนังมาเกือบ 20 เวอร์ชั่นแล้ว) แต่ที่จริงแล้วน่าจะเป็นภาคขยายมากกว่า ลองนึกถึง Hook (1991) ของป๋า Steven Spielberg ที่เล่นกับแนวคิดว่า 'ถ้า Peter Pan แก่แล้วจะเป็นยังไง'ดูสิ ในเรื่องนี้ของน้า Burton ก็เช่นเดียวกันที่กำหนดให้สาวน้อย Alice อายุอานามย่างเข้า 19 ขวบ แล้วต้องกลับไปผจญภัยในดินแดน Underland อีกครั้ง (ทิ้งช่วงจากทริปที่แล้ว 13 ปีแน่ะ)


หนังเต็มไปด้วยตัวละครสุดเว่อร์และยังเหวอได้อีก
คราวที่แล้วน้าเขาร่วมงานกับ Disney ใน Charlie and the Chocolate Factory (2005) แบบชื่นมื่น(กอดคอกันรวย)สุดๆ ว่าแล้วก็ต้องกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งซะหน่อย ซึ่งแน่นอน หนังของค่ายนี้ต้องเหมาะสำหรับครอบครัว น้าเขาก็เลยต้องประนีประนอม ห้ามทำหนังหม่น เซอร์ หรือโหดจนเกินไป ซึ่งน้าเขาก็ตอบสนองนโยบายนี้เป็นอย่างดี (แต่ก็มีแอบหม่นแอบโหดบ้างพอเป็นกระสัย) ส่วนเรื่องเสื้อผ้าหน้าผม ดนตรีประกอบ ฉากเฉิก ซีจงซีจีอะไร ก็ล้วนอยู่ในระดับสุดยอดของฮอลลีวู้ดอยู่แล้ว(ก็มีทุนสร้างตั้ง 200 ล้านนิ)


สองสาวงามหน้าว่อกประจำเรื่อง
แต่สิ่งที่ดูจะด้อยกว่าเพื่อนก็คือหนังกลับเล่าเรื่องออกมาแบบดูงั้นๆ ไปซะได้ ไม่ใช่ว่าจะน่าเบื่อหรอกนะ แต่ว่ามันก็ไม่มีอะไรให้ดูแล้วรู้สึกว่า "โอ้โห" หรือดูแล้วแฮปปี้จังเล๊ย ยิ่งทุกวันนี้เรามีอะไรแบบนี้ให้ดูกันแยะ สิ่งต่างๆ ในหนังก็เลยดูไม่ใหม่หรือน่าฮือฮาเอาซะแล้ว แต่เอาน่า ถึงจะประนีประนอมกับตลาดแต่ก็ยังมีลายเซ็นของน้าให้เห็นกันตลอด อาทิ ต้นไม้ที่บิดเบี้ยว โรงสีเก่าๆ ตัวละครพิลึกๆ เว่อร์ๆ ทั้งหลาย โดยรวมแล้วหนังก็ยังดูได้เพลินๆ กับจินตนาการสุดบรรเจิดของน้า งานด้านภาพที่อยู่ในระดับสุดยอด เท่านี้ก็น่าจะพอแล้วล่ะมั้งสำหรับหนังสักเรื่องที่ดูกันได้ทั้งครอบครัวในยุคเผากรุงเช่นนี้


งานด้านเสื้อผ้าหน้าผม ซีจีอยู่ในระดับสุดยอด
  • น่าดูเพราะ: ทุกวันนี้ชื่อของน้า Tim Burton ก็อยู่ในระดับบิ๊กเนม ที่แฟนหนังห้ามพลาดหนังของเขา และตัวหนังเองก็อยู่ในระดับดูได้เพลินๆ กับงานด้านภาพ วิจิตรตระการตา
  • ไม่น่าดูเพราะ: ถ้านับกันที่ความสนุกนั้นก็ดูจะด้อยไปบ้าง และคนที่ไม่เคยผ่านตากับนิยายต้นฉบับมาก่อนอาจมีงงบ้าง

ทั้งสวยทั้งศิลป์ทั้งเซอร์นะเนี่ย


หรือว่าป๋าเด็ปป์จะจงใจให้หน้าเหมือนใครหรือเปล่า?


*ช่วงเพลงจากหนัง*

น้องหนู Avril Lavigne กลับมาเป็นสาวโสดอีกครั้ง
สาว Avril Lavigne เคยขับขานเพลงในหนังแฟนตาซีสุดเจ๊งอย่าง Eragon (2006) มาแล้ว และในวาระดิถีที่เธอกำลังจะมีอัลบั้มชุดที่สี่ออกมาในเร็ววันนี้ ก็เลยขอฝากเพลงไว้ในอัลบั้ม Almost Alice ซึ่งเป็นอัลบั้มรวมเพลงที่ได้รับแรงบันดาลใจจากหนัง Alice in Wonderland กันหน่อย ที่เราจะได้ยินเพลงนี้ในช่วงเอนเครดิต แต่ว่าก็ว่าเหอะนะ เพลงนี้ช่างฟังดูโหวกเหวกๆ ขัดกับหนังดีจริงๆ(ความคิดเห็นส่วนตัว) ยังไงซะเราก็มีเพลงนี้มาฝากกันตามฟอร์มจ้า


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น