วันศุกร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2556

Django Unchained (2012): โก้จังนะ อีจังโก้



Django Unchained (2012): โก้จังนะ อีจังโก้

     แม้ระยะหลังๆ เสี่ย Quentin Tarantino จะมีผลงานหนังออกมานานๆ ที แต่แฟนหนังก็ยังวางใจได้เลยว่าหนังของเขาเด็ดทุกเรื่อง รวมถึงผลงานล่าสุดเรื่องนี้ด้วย ที่ก็ได้เข้าชิงรางวัลออสก้าร์ตั้งห้าสาขา ก่อนจะซิวมาได้สองอย่างที่ทราบกัน

     และก็เป็นอีกครั้งที่เขานำเอาอิทธิพลของหนังเกรดบียุคก่อนที่ตนชื่นชอบมาประยุกต์ยำคลุกจนออกมาเป็นหนังคาวบอยสุดแจ่มเรื่องนี้ ซึ่งถ้าหากท่านเป็นคอหนังตัวพ่อ ก็จะพบการอ้างอิงถึงหนังเหล่านั้นเรี่ยร่ายรายทางอยู่ตลอดเรื่อง ซึ่งนี่ก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของหนังเสี่ยเขาเลยล่ะ

     หนังยาวเกือบสาม ชม.แต่ดูสนุกดูเพลินตลอดเรื่อง ไม่มีช่วงเวลาให้เบื่อเลยสักนิด แม้จะเป็นฉากสนทนาแต่ก็ยังมันส์ได้ตามสไตล์หนังเสี่ยเขา บทจะยิงกันก็ยิงกันเลือดพุ่งเว่อร์ ได้ทั้งความสะใจคอซาดิสม์ และได้ฟีลหนังเกรดบีสมัยก่อนด้วย แถมยังเก๋ด้านการเลือกใช้เพลงประกอบแบบไม่เกรงใจใครเช่นเดิม คือบางฉากเนี่ยเล่นเปิดเพลงแร็พขึ้นมาเลยด้วยซ้ำครั่บ (เจ๋งดีนะ)

     ด้านนักแสดงที่เด่นมาตั้งแต่ต้นเรื่องก็คือน้า Christoph Waltz ที่เล่นดีสมแล้วที่ซิวออสก้าร์ไปอีกครั้ง ซึ่งที่เก๋คือเรื่องก่อน (Inglourious Basterds) แกเล่นเป็นนาซีเยอรมันตัวร้าย แต่เรื่องนี้แกคือคาวบอยเยอรมันที่เป็นฝ่ายพระเอกในขณะที่เหล่าคนอเมริกันแท้ๆ นั้นกลับกลายเป็นตัวร้ายแทน

     ส่วนนาย Leonardo DiCaprio เราแม้จะฉีกบทบาทมาเล่นเป็นตัวร้ายได้ดี (ฉากทุบโต๊ะน่ะเขาเลือดออกจริงๆ แต่ก็ยังแสดงต่อจนจบซีน) แต่ก็โผล่มาช้าและไม่โดดเด่นโดนใจมากพอที่จะได้เข้าชิงออสก้าร์ (ใครดูแล้วจะเข้าใจว่าทำไม)

     ในยุคนี้ก็มีแต่คนทำหนังแบบเสี่ยเขากับอีกไม่กี่คนเนี่ยแหล่ะ ที่สามารถเอาสไตล์หนังสมัยก่อนที่ใครๆ ก็ว่าเชย เว่อร์ มายำแซ่บใหม่จนออกมาเป็นหนังเท่ๆ เก๋ๆ เปี่ยมคุณภาพสุดแจ่มได้ ต้องยกเครดิตให้เขาเลย เสี่ยไม่ทำให้ผิดหวังอีกแล้วครั่บทั่น!



เอาไปโลด 8/10 สำหรับหนังคาวบอยที่แหกกฏจนได้ดีเรื่องนี้

ปล.ตอนหนังจบ เดินออกจากโรง ได้มีโอกาสซักถามพูดคุยกับเพื่อนร่วมโรงอีกสองท่านถึงความรู้สึกต่อหนังเรื่องนี้ ซึ่งทั้งคู่ก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าชอบหนังเรื่องนี้มาก เสียดายว่าไม่ได้คุยกันนานนัก หากว่าท่านคนใดคนหนึ่งเผอิญหลุดเข้ามาเจอข้อความนี้ ก็กรุณาแสดงตนด้วยนะครั่บ :D




วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2556

Lincoln (2012): รัฐบุรุษโลกจารึก




Lincoln (2012): รัฐบุรุษโลกจารึก

     คนยุคใหม่อาจจะเพิ่งมาคุ้นชื่อของ ปธน.Abraham Lincoln เอาก็ในฐานะนักปราบแวมไพร์จากหนัง Abraham Lincoln: Vampire Hunter (2012) ทีนี้ก็มาถึงคิวของหนังซึ่งนำเสนอเรื่องราวของท่านแบบจริงๆ จังๆ กันบ้างล่ะ

     นี่เป็นโปรเจ็คท์ที่ ผกก.Steven Spielberg เขาทุ่มเทตระเตรียมงานสร้างมากว่าสิบปี ดังนั้นหนังจึงออกมาถึงคุณภาพคับทำเนียบแบบสุดๆ เลยล่ะ ทั้งด้านงานสร้าง ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ที่น่าจะออกมาเป๊ะที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว

     รวมไปถึงการที่มีเหล่านักแสดงหน้าคุ้นๆ ผลัดกันโผล่มาคนละนิดคนละหน่อยให้คนดูได้เฮ้ยกันตลอดอีกด้วย ซึ่งก็แน่นอนว่าลงใครได้เห็นบทบาทการแสดงอันสวดยอดของท่าน Daniel Day-Lewis ในเรื่องนี้แล้วล่ะก็คงไม่มีใครกล้าหือกล้าอือกับรางวัลออสก้าร์ที่เขาซิวมาแน่ๆ

     แต่การที่หนังหันไปเน้นนำเสนอเรื่องราวชีวิตของท่าน ปธน.ในช่วงสี่เดือนสุดท้ายของชีวิต แทนที่จะย้อนไปเล่าตั้งแต่ยังเด็ก (อย่างที่ตั้งใจไว้ในตอนแรก) เลยว่ากันแต่ช่วงการพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องการเลิกทาส สงครามกลางเมืองช่วงท้าย และชีวิตส่วนตัวของท่านอีกเล็กน้อย (หนังแทบไม่เน้นเรื่องการลอบสังหารท่านด้วยซ้ำ)

     หากคุณเป็นคนดูหนังเอาสาระ หรือสนใจประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกาแล้วล่ะก็ หนังเรื่องนี้นั้นคงจะถูกใจใช่เลยได้ไม่ยาก แต่ถ้าหากกะดูเอาเพลิน หรือไม่ตั้งใจดู หรือไม่อินล่ะก็ งานนี้อาจมีหลับน้ำลายย้อย (คนมะกันน่าจะอินกับหนังได้มากกว่าชาวบ้าน)

     ยังไงเสียนี่ก็คือหนังชั้นดีจากฝีมือป๋า Spielberg ที่น่าจะทำให้เราได้ทำความรู้จักรัฐบุรุษของสหรัฐอเมริกาท่านนี้มากขึ้น คอหนังทั้งหลายไม่ควรพลาดชม ส่วนดูแล้วจะตักตวงสาระอะไรจากหนังได้มากแค่ไหน นั่นก็อยู่ที่ตัวท่านแต่ละคนแล้วล่ะ




ส่วนเราให้ไป 7/10 เพราะดูไปก็แอบเบื่อนิดๆ ไปครั่บ (สงสัยเพราะไม่ได้อยู่ในมู้ดดูเอาสาระ อิอิ)






*รีวิวหนังของ ผกก.Steven Spielberg เรื่องอื่นๆ ภายในบล็อก*