วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

The Fault in Our Stars (2014): รักเธอยัยร่อแร่


The Fault in Our Stars (2014): รักเธอยัยร่อแร่

     จากนิยายรักวัยรุ่นสุดซึ้งน้ำตาอาบแก้ม สู่หนังรักวัยรุ่นสุดซึ้งที่ยังทำให้ต้องน้ำตาอาบแก้มเช่นกัน จนหนังน่าจะเข้าไปอยู่ในดวงใจใครหลายคนได้ไม่ยากเลย

     ฉบับนิยายนั้นเราไม่เคยอ่าน ดังนั้นจึงมิอาจบอกได้ว่าเหมือนหรือต่างกันยังไง (แต่เห็นเขาลือกันว่าหนังค่อนข้างตรงกับนิยาย) ซึ่งอันตัว ผกก.Josh Boone แกก็สามารถถ่ายทอดเรื่องราวจังหวะอารมณ์ออกมาได้น่าประทับใจ มีวินาทีหวานๆ ให้ต้องจิกเบาะ จิกหมอน มีวินาทีเศร้าๆ ให้น้ำตาซึมถึงขั้นไหลนอง คนที่เคยมีความรักทั้งหลายคงจะอินกันน่าดู

     หนังบอกกันตั้งแต่แรกแล้วว่านางเอกป่วยหนัก ดังนั้นเราคงพอจะเดาชะตากรรมของหนังได้ และแม้นเราจะตั้งการ์ดคอยรับสถานการณ์นั้นแค่ไหน แต่ด้วยการแสดงอันดีงามของนางเอก Shailene Woodley มันก็ทำให้ยากต่อการทำใจแข็งอยู่ดี

     หนังก็เศร้าจริงอะไรจริง แต่ก็ยังรู้สึกว่าบางช่วงบางตอนมันอ้อยอิ่งไปบ้าง บางตอนที่มาตามสูตรไปบ้าง ซึ่งนี่ก็ว่ากันตามประสาผู้ชายที่คงไม่ละเอียดอ่อนเท่ากับผู้หญิงล่ะมั้ง


     รอบที่เราไปดู แอบเห็นชายร่างบึกหน้าตาโหดที่นั่งแถวหน้าดึงเสื้อขึ้นซับน้ำตาในฉากเศร้า แค่นี้ก็พอจะบอกอะไรได้แล้วว่าหนังเรื่องนี้เขาทำได้ดี ทำได้ถึงจริงๆ




จี๊ด ซึ้ง เศร้า สุข ประทับใจ มากันครบให้ไป 7/10 โลด







*ช่วงเพลงในหนัง*
สาวน้อย Birdy หนึ่งในใจคุณ
ในหนังมีเพลงประกอบเพราะๆ หลายเพลง แต่สำหรับเพลงที่โดนใจวัยซึ้งที่สุดคงไม่พ้น Not About Angels เพลงโคตรเพราะของ Birdy ศิลปินสาวน้อยมากความสามารถชาวอังกฤษวัย 18 ขวบ ที่ใช้ในฉากเศร้าที่สุดฉากหนึ่งในหนังซึ่งก็มีส่วนทำให้ท่านผู้ชมถึงกับน้ำตาร่วงเลยทีเดียว





MP3: Birdy - Not About Angels



*รีวิวหนังของนางเอก Shailene Woodley เรื่องอื่นๆ ภายในบล็อก*
  

วันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

Hercules (2014): คนบึกทะลุตำนาน

Hercules (2014): คนบึกทะลุตำนาน

     นี่ต้องถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์สำหรับการที่ Dwayne Johnson (The Rock) มาพบกับท่านผู้ชมที่รักในสภาพผมดกปรกไหล่ แม้ว่านั่นจะเป็นเพียงแค่วิกก็เถอะ

     นี่คือหนัง Hercules เรื่องที่สองของปีนี้ แต่ดูดีมีชาติการ์ตูนมากกว่า The Legend of Hercules ที่ออกมาฉายตัดหน้าไปก่อนนี้ ซึ่งออกมาดูเกรดบีซะขนาดนั้น

     ผกก.Brett Ratner คุมหนังให้ออกมาดูเพลินดีออก แม้หนังจะมาพร้อมเรท PG-13 แต่ก็ไม่หน่อมแน้ม และการนำเสนอเรื่องราวของเฮอร์คิวลิสแบบไม่เน้นอภินิหารก็ทำให้ได้อรรถรสที่แปลกใหม่ดีทีเดียว แต่นั่นก็น่าจะเป็นดาบสองคมเพราะเชื่อว่าคนดูส่วนใหญ่คงหวังจะไปพบการผจญภัยที่เต็มไปด้วยอภินิหารของเฮอร์คิวลิสซะมากกว่านะ

     และสุดท้ายคือหนังเหมือนจะมาเร็วไปเร็วไปนิด แบบประมาณว่าอะไรฟะ จบแล้วหรอเนี่ย? คือหนังมันน่าจะมีอะไรให้เล่นได้อีกแยะ ยังไม่ทันจุใจก็ไปซะแล้ว (ในขณะที่หนังบางเรื่องเช่น Transformers ภาคล่าสุด หลายคนต่างบ่นว่าหนังไม่ยอมจบซะที อิอิ)




นับว่าเป็นหนังที่ดูเพลินๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก ที่น่าจะยาวได้มากกว่านี้ เอาไป 6/10 ครับ






วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

Dead Snow: Red vs. Dead/ Død Snø 2 (2014): ซอม(บี้)กัดต้องกัดตอบ



Dead Snow: Red vs. Dead/ Død Snø 2 (2014): ซอม(บี้)กัดต้องกัดตอบ


     ภาคต่อของหนังนาซีซอมบี้เรื่องนี้ทิ้งห่างจากภาคแรกซะตั้ง 5 ปี แต่น่าชื่นใจที่การกลับมาครั้งนี้ดูจะคุ้มค่าต่อการรอคอย



     หนังไม่รอช้าที่จะประเคนมุกตลกบ้าบอ ปนอะไรโหดๆ เลือดสาดไส้อั่วไหล และไม่ย่ำอยู่กับที่มีไอเดียใหม่ๆ มานำเสนอ แต่ก็ยังคงคารวะหนังสยองคลาสสิกทั้งหลายอย่างไม่บันยะบันยัง แถมคราวนี้เก๋กว่าเดิมมีมุกโบ้ยไปถึงหนังดังแนวอื่นๆ อย่าง Star Wars และ Titanic เข้ามาอีกด้วย (เอากับเขาสิ อิอิ)



     ภาคแรกที่ว่าไอเดียเก๋แล้วมาเจอภาคนี้มีฉากกองทัพซอมบี้นาซียกพวกตีกับกองทัพซอมบี้โซเวียตเข้าไป ก็ต้องยกโป้งชมผู้สร้างแล้วล่ะ เก๋ๆ 





7/10 ครับ





*รีวิวภาคแรกภายในบล็อก*

วันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

Dawn of the Planet of the Apes (2014): ศึกจ๋อเดือด

Dawn of the Planet of the Apes (2014): ศึกจ๋อเดือด

     ภาครีบู้ทที่ออกมาเมื่อปี 2011 ได้ทั้งเงินทั้งกล่องชนิดฮิตเกินคาดซะ ว่าแล้ว Fox เจ้าของหนังแฟรนไชส์นี้ ก็เลยได้มีภาคต่อตามออกมากินกันยาวๆ อย่างใจหวัง

     แต่ไม่ใช่ว่าผู้สร้างกะจะเรียกเงินเข้ากระเป๋าซะอย่างเดียวโดยไม่สนใจคุณภาพของหนังนะ เพราะจะว่าไปไอ้ภาคแรกที่ว่าดีแล้ว ภาคนี้ยิ่งดีขึ้นไปอีกด้วยซ้ำไป (ไม่เหมือนหนังแฟรนไชส์บางเรื่องที่ยิ่งมากภาคก็ยิ่งน่าเบื่อขึ้นทุกที)

     หนังเล่าเรื่องราวทิ้งห่างจากภาคแรก 10 ปี เพื่อที่จะได้ล้างไพ่นักแสดงชุดเดิม ซึ่งก็คงไม่มีปัญหาอะไรนักเพราะพระเอกตัวจริงของแฟรนไชส์นี้คือเหล่าวานรชาญสมรต่างหาก

     ผกก.Matt Reves จาก Cloverfield (2008) เข้ามาเสียบแทน ผกก.Rupert Wyatt ได้อย่างไม่เสียลิง หนังดูสนุกไม่น่าเบื่อตลอดความยาว 130 นาที ทางด้านเอฟเฟกต์กองทัพจ๋อก็ทำได้อย่างดูดีน่าเชื่อถือ ในขณะเดียวกันหนังก็มีอารมณ์ความรู้สึก ไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาอัดเอฟเฟกต์ฉากบู๊มาซะอย่างเดียวแต่อย่างใด

     เรื่องราวในหนังอาจเปรียบเทียบกับได้กับโลกทุกวันนี้ได้ (อันที่จริงต้องทุกสมัยเลยล่ะ) ที่มนุษย์คอยแต่ห้ำหั่นกันเสมอมา ซึ่งนั่นก็คือเพื่อความอยู่รอด เพียงแต่ว่ามุมมองต่อคำว่าความอยู่รอดของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน สำหรับบางคนก็แค่ต้องการอยู่อย่างสงบถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน แต่สำหรับบางคนนั้นคือการที่ต้องกำจัดคนอื่นที่ไม่ใช่พวกให้พ้นทาง

     แต่เผอิญว่าในโลกเบี้ยวๆ ใบนี้คนที่คิดแบบหลังน่ะดันมีมากกว่าซะนี่ สันติภาพจึงกลายเป็นคำพูดที่ใครๆ ก็ปรารถนาแต่ไม่เคยได้มันมาจริงๆ เสียทีนะว่ามั้ย? 





ภาคนี้ดูดีดูเพลินกว่าภาคแรกอีก แต่ก็ไม่ไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก ให้ไปโลด 8/10 จ้า







*รีวิวภาคแรกภายในบล็อก*

วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

On the Job (2013): มือปืนซุ้มแดนขัง




On the Job (2013): มือปืนซุ้มแดนขัง

     ต้องบอกว่าหนังดราม่าอาชญากรรมจากฟิลิปปินส์เรื่องนี้โคตรจะถึงลูกถึงคนและจริงเอามากๆ (เพราะสร้างโดยอิงจากเรื่องจริงนิ)

     หนังตีแผ่สังคมแห่งการคอรัปชั่นที่ทั้งทหาร ตำรวจ นักการเมืองชั่วๆ ร่วมมือกันเป็นมาเฟียครองประเทศ และกำจัดผู้ขวางทางชนิดรายวัน ส่วนคนดีๆ ตำรวจดีๆ นั้นก็เป็นแค่คนตัวเล็กๆ ที่แทบจะไม่มีที่จะยืนในสังคมอยู่แล้ว

     และไหนจะตีแผ่การที่ๆ นั่นนิยมใช้วิธีเกณฑ์มือปืนจากเรือนจำให้ออกมาเก็บคนเสร็จแล้วก็กลับเข้าไปกบดานในนั้นสบายใจเฉิบ โดยความร่วมมือจาก จนท.เรือนจำทุกระดับชั้นอีกล่ะ

     หนังไม่พยายามจะฮอลลีวู้ด แต่ตีแสกหน้าทิ้งให้คนดูอึ้ง ซึ่งต้องซูฮกเขาเลยที่กล้าทำหนังแนวนี้ออกมาแล้วก็ทำได้ดีเสียด้วย น่าเสียดายที่หนังไทยเราคงไม่มีทางทำออกมาแบบเขาได้แน่ เพราะทางการ (ทหาร?) คงไม่ปล่อยให้เอาความจริงแบบนี้มาพูดเท่าไหร่นัก พี่น้องชาวไทยเราเลยได้ดูแต่หนังรักโลกสวย หนังตลกที่ไม่ตลก หนังผีตุ๊งแช่กันต่อไปตามยถากรรม

     นี่เห็นล่าสุดฮอลลีวู้ดเขาเอาไปรีเมคแล้วโดยฝีมือ ผกก.เรื่อง 2 Guns (2013) ซึ่งก็น่าสนใจเหมือนกันว่าจะออกมาถึงลูกถึงคนได้แค่ไหน ส่วนทางฟิลิปปินส์ก็กำลังจะทำภาคสองออกมาด้วย แจ่มๆ




 หนังดีแบบนี้เอาไปโลด 8/10





วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

Begin Again (2013): เริ่มต้นใหม่ หัวใจมีเพลง


Begin Again (2013): เริ่มต้นใหม่ หัวใจมีเพลง

     John Carney ผกก.ชาวไอริชเป็นที่จดจำโดยมิตรรักแฟนหนังจากหนังเพลงในตำนานอย่าง Once (2006) และหลังจากไม่รุ่งกับหนังแนวอื่นซะหลายปี แกจึงขอกลับมาทำหนังรักเคล้าเสียงเพลงอีกครั้งในผลงานเรื่องนี้ ที่ย้ายทำเลบรรเจิดมาร้อง เล่น ปิ๊งรักกันที่นิวยอร์คเลยทีเดียว

     และแกก็ไม่ทำให้แฟนๆ ต้องผิดหวังเมื่อหนังมาพร้อมเรื่องราวที่ดูเพลิดเพลินจำเริญใจแถมเต็มไปด้วยความหวังเรืองรอง แต่บทจะจี๊ดรักก็จี๊ดใช่เล่น และแน่นอนที่ต้องมาพร้อมกับบรรดาบทเพลงสุดไพเราะเสนาะโสต ซึ่งคนที่รักเสียงเพลงคงได้ฟินกันไม่มากก็น้อยล่ะงานนี้

     แม้จะต่างที่รายละเอียดแต่เมื่อมองกันดีๆ แล้วหนังยังมาแนวเดียวกับ Once (ในแบบที่มีสดใสกว่าแต่ไม่ตราตรึงเท่า) ที่แม้จะเต็มไปด้วยความหวังสำหรับคนที่เคยหมดหวัง แต่ก็ยังพอจะยืนอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง ไม่ได้โลกสวยประโลมโลกอย่างหนังฮอลลีวู้ดทั่วไปให้เสียทรงแต่ประการใด

     และนี่แหล่ะคือสิ่งที่หลายๆ คนรักในหนังของ ผกก.Carney เขา

     คนบางคนก็โผล่เข้ามาในช่วงจังหวะหนึ่งของชีวิตเราเพื่อร่วมแชร์ช่วงเวลาดีๆ ด้วยกัน แม้อาจจะเป็นช่วงเวลาที่ไม่นานนัก แต่หากนั่นทำให้เราได้เริ่มต้นมองชีวิตด้วยความหวังใหม่อีกครั้งล่ะก็ นั่นก็ดีพอแล้วไม่ใช่หรือ?



เพลงเพราะหนังก็จี๊ดได้อีก ปลื้มมากเรื่องนี้ 8/10 ครับ






*ช่วงเพลงในหนัง*
     Begin Again คือหนังที่อัดแน่นไปด้วยเพลงเพราะๆ จากเสียงร้องของ Adam Levine แห่ง Maroon 5 ที่มาแสดงในหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก และเสียงหวานๆ ของสาว Keira Knightley ทำให้ตลอดทั้งเรื่องคือช่วงเวลาแห่งความบรรเจิดกับบทเพลง เพลงแล้วเพลงเล่าที่ผลัดกันมาขับกล่อมคนดู



     ถ้าใครดูแล้วชอบหรือว่ายังไม่ได้ดูและนึกไม่ออกว่าไอ้ที่ว่าเพราะน่ะเพราะยังไง เราก็ขอนำอัลบั้มซาวน์ดแทร็คเรื่องนี้มาให้โหลดกันไปฟังโดยการคลิกที่ปกอัลบั้มซาวน์ดแทร็คด้านบนได้เลยจ้า :)