วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2554

Season of the Witch (2011): อัศวินเคจพิชิตมาร


Season of the Witch (2011) :
แม้ว่าจะล่วงเลยยุคทองของเสี่ย Nicolas Cage มาหลายปีดีดักแล้ว แต่เขาก็ยังถือเป็นนักแสดงที่มีหนังออกมาชุกมากที่สุดคนหนึ่งเลยล่ะ คือตลอดสิบปีมานี้เขาเล่นหนังไปแล้วกว่า 25 เรื่องด้วยกัน! (รวมทั้งแบบที่พากย์เสียงด้วยนะ) เพราะเสี่ยเขามักเล่นหนังปีละสองเรื่องขึ้นไปเป็นอย่างน้อย แถมบางปีเสี่ยฟิตจัดเล่นหนังถึง 4 เรื่องด้วยกันก็เคยมาแล้ว (ป๊าด!)


ทรงผมเสี่ย Cage ในเรื่องนี้ใช้ได้เลยล่ะ
แต่ถึงปริมาณหนังของเสี่ยจะเยอะ กลับมีผลงานที่มีคุณภาพถูกใจคอหนังอยู่เพียงแค่หยิบมือเท่านั้น จนมีหลายคนพากันค่อนขอดว่าเสี่ยรับเล่นหนังอุตลุดแบบไม่เลือก เพราะต้องการปั๊มเงินไว้ไถ่ชีวิตโคโยตี้กันอย่างเดียวเลย และผลงานหนังแอ็คชั่นผจญภัยย้อนยุคของเสี่ยเรื่องนี้ก็คงไม่พ้นจะถูกมองไปในแง่ลบเช่นเดียวกันแน่เชียว


อิตา Hellboy เวอร์ชั่นสีตก
หนังพาย้อนไปในยุโรปช่วงศตวรรษที่ 14 เพื่อพบกับเรื่องราวของสองนักรบครูเสดหนีทัพอย่าง Behmen (เสี่ย Cage) และคู่หูคู่บู๊ Felson (Ron Perlman จากหนังชุด Hellboy) ที่จำต้องรับภารกิจอารักขาหญิงสาวคนหนึ่งที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดไปส่งเพื่อรับการไต่สวน ซึ่งทริปนี้ของพวกพระเอกเราคงจะไม่ได้เป็นอะไรที่สนุกสนานลั้นลาแน่ๆ เพราะมีแต่เรื่องราวลึกลับ ตื่นเต้น แอ็คชั่นผจญภัย รออยู่เบื้องหน้าตลอดทางเลยล่ะ ขอบอก


ท่านซารูมานก็โผล่มาในบทรับเชิญกับเขาด้วย
เสี่ยกลับมาร่วมงานกับ ผกก.Dominic Sena อีกครั้ง (หลังจากเคยจิ๊จ๊ะกันมาก่อนใน Gone in Sixty Seconds [2000] ที่ทุกวันนี้ขึ้นหิ้งหนังคัลต์ไปแล้วซะงั้น) ซึ่งผลลัพธ์ก็ออกมาในระดับที่ดูกันได้เพลินๆ ชนิดที่ไม่มีอะไรหวือหวาวิ้ดวิ้วให้ได้ฮือฮา เพราะหนังเดินเรื่องตามสเต็ป 1 2 3 4 จนจบ ส่วนงานโปรดักชั่นก็ออกมาดีทั้งเสื้อผ้าหน้าผม (เรื่องนี้ทรงผมเสี่ยพอดูได้หน่อย อิอิ) ฉากเฉิกอะไรออกมาดูดี แต่ในส่วนของซีจียังดูการ์ตูนๆ ไปนิดถ้าจะวัดกันตามมาตรฐานของหนังฮอลลีวู้ดแล้ว (แต่ก็ไม่ได้ถึงกับแย่จนเกินทนเน้อ)


มาดก๊วนวีรบุรุษของเรื่อง
หนังจับเรื่องราวของการล่าแม่มดในยุคกลาง การใช้ศาสนาในทางที่ผิด และเรื่องการระบาดของกาฬโรคมาเล่นได้แบบธรรมดาๆ เพราะเหมือนจะแค่เอามาประกอบกันอย่างหลวมๆ แล้วหาทางใส่ฉากแอ็คชั่นเยอะๆ เข้าไปเท่านั้น ซึ่งจะว่าไปแล้ว หนังที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกันอย่าง Black Death (2010) ยังจะทำออกมาได้น่าสนใจกว่าเยอะเลย แต่ก็เอาน่า แม้จะไม่ถึงกับดีเด่น แต่ก็ห่างไกลจากการเป็นหนังสุดเห่ยของเสี่ยเขาเช่นเดียวกัน เชื่อว่ายังไงแฟนๆ ของเสี่ยก็จะยังคอยตามให้กำลังใจกันต่อไปล่ะเนอะ จุ๊บๆ
  • จุดเด่น: เป็นหนังแอ็คชั่นผจญภัยย้อนยุค ของเสี่ย Cage ที่ทำออกมาได้ในระดับดูเพลินๆ ถ้าไม่ได้คิดมากอะไร เสื้อผ้าหน้าผม ฉากเฉิกดูดีทีเดียว
  • จุดด้อย: หนังมาตามสเต็ปที่ไม่มีอะไรให้หวือหวา หรือน่าจดจำ และซีจีก็ไม่ค่อยแหล่มเท่าที่ควรโดยเฉพาะในช่วงท้ายเรื่องที่ดูการ์ตูนซะ




*รีวิวหนังของเสี่ย Cage และหนังเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องภายในบล็อก (คลิกรูปเพื่ออ่าน)*




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น