วันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

Faster (2010): เหยียบให้มิดปิดบัญชีแค้น



Faster (2010) :
สองสามปีมานี้เฮียบึ๊ก Dwayne Johnson (หรือ The Rock ที่เราๆ ท่านๆ รู้จักกันดี) หันไปเล่นหนังครอบครัวเอาใจคุณหนูๆ ซะหลายเรื่อง จนคอหนังแอ็คชั่นแมนๆ ชักจะเริ่มพากันงอนแกแล้ว เฮียแกก็เลยขอชะแว๊บกลับมาเล่นหนังแอ็คชั่นเรทอาร์เพื่อเอาใจขาบู๊กันบ้างในเรื่องล่าสุดนี้ ต่อด้วยหนังรถซิ่งภาคต่ออย่าง Fast Five ในช่วงเดือน เม.ย.(แหม เล่นหนังชื่อฟ้าสต์ๆ ติดกันสองเรื่องเชียวนะเฮีย) ก่อนที่จะกลับไปเล่นหนังผจญภัยเอาใจคุณหนูอีกครั้งใน Journey 2: The Mysterious Island นั่นแล


กลับมาคราวนี้เฮียเขายังหุ่นล่ำบึ๊กอยู่เช่นเดิม
เรื่องนี้เฮียเขารับบทนักโทษหุ่นบึ๊กที่เพิ่งจะออกจากคุก โดยสิ่งแรกและสิ่งเดียวที่เขาตั้งมั่นจะทำหลังจากติดคุกมาสิบปีก็คือ ออกตามล่าล้างแค้นบรรดาก๊วนโจรที่มาปล้นโจรอย่างเขาอีกทีหนึ่ง(งงมะ?)ให้ตายตกตามกันไปทีละคน เพราะพวกมันได้ฆ่าพี่ชายสุดที่รักของเฮียแบบต่อหน้าต่อตาอย่างเลือดเย็น ในขณะเดียวกันพวกโจรก็ได้ว่าจ้างนักฆ่ารูปหล่อมาดเนี้ยบให้มาตามเก็บเฮียอีกต่อหนึ่ง จนพระเอกเราต้องเป็นทั้งผู้ล่าและผู้ถูกล่าในเวลาเดียวกันชนิดบู๊สนั่นจอเลยทีเดียว

เฮียกำลังนั่งเหม็นอะไรบางอย่างอยู่ในรถ
ผลงานของ ผกก.George Tillman Jr. (Men of Honor [2000]) เรื่องนี้ไม่ได้เป็นหนังล่าล้างแค้นกะเอามันส์กันอย่างเดียว เพราะหนังพยายามสร้างมิติความลึกให้ตัวละครแต่ละตัว ดังนั้นจึงไม่มีใครที่เลวหรือดีร้อยเปอร์เซนต์ ทั้งยังมีธีมหลักเกี่ยวกับการแก้แค้น การกลับใจและการให้อภัย เข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย ส่วนด้านความบู๊ของหนังก็รุนแรงตามเรทอาร์ที่ได้รับ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับมันส์ระเบิดระเบ้ออะไรมากมาย ในขณะเรื่องราวที่มีการเฉลยตัวร้ายและหักมุมในตอนจบก็ดูจะไม่เกินการคาดเดาจากคนดูจอมรู้ทันสักเท่าไรนัก


คู่หนุ่มหล่อสาวสวยโผล่มาเรียกความสนใจคนดูหนุ่มสาวโดยเฉพาะ
หนังทำเก๋ตรงที่ไม่มีชื่อให้ตัวละครหลักๆ แต่จะเรียกพวกเขาว่า 'คนขับรถ' (พระเอก), 'นักฆ่า' และ 'ตำรวจ' เท่านั้น ซึ่งเฮียบึ๊กของเราก็มาในมาดคิ้วขมวดหน้าตาเหมือนท้องผูกอยู่ตลอดเรื่อง ประมาณว่าแค้นมันสุมอกอยู่เต็มทนจนอึไม่ออก ส่วนนักฆ่ารูปหล่อผู้ชอบความท้าทายที่รับบทโดย Oliver Jackson-Cohen ก็ดูดีมีมาดจนผู้ชมสาวๆ น่าจะลุ้นเอาใจช่วยคนนี้มากกว่าพระเอกซะอีก(เหอๆ) ซึ่งในส่วนเรื่องราวของเขาก็ชวนให้นึกถึง Mr.& Mrs. Smith อยู่ยังไงชอบกลแฮะ และที่จะลืมไม่ได้เลยคือน้า Billy Bob Thornton ในบทตำรวจขี้ยาที่เหมือนจะเป็นตัวละครที่น่าสงสารที่สุดในเรื่องแล้วล่ะ(มั้ง?)


คุณคงไม่อยากให้เฮียมาจ้องหน้าคุณแบบนี้เป็นแน่
น่าเสียดายที่หนังดูจะมีอะไรที่ทำให้รู้สึกว่ามันช่าง 'บังเอิ๊ญบังเอิญ' โผล่มาให้เห็นอยู่เรื่อยๆ (โดยเฉพาะในช่วงไคลแม็กซ์) จนทำให้ไม่ได้ใจคนดูจอมคิดมากอย่างเรา(ถ้าไม่คิดมากก็ดีไป) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหนังก็ยังมีอะไรดีๆ ให้เห็นอยู่หลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการที่ได้เห็นเฮียบึ๊กพักการทำตัวแอ๊บแบ๊วแล้วกลับมาเล่นหนังอะไรที่มันบู๊ๆ จริงจังแบบนี้อีกครั้งหนึ่ง ยังไงก็ขอให้ได้กลับมาเป็นดารานักบู๊ขวัญใจมหาชนอีกนะเฮียจ๋า จุ๊บๆ
  • จุดเด่น: เป็นหนังแอ็คชั่นจริงจังระดับเรทอาร์ ในรอบหลายๆ ปีของเฮียเดอะร็อคเขาเลย แถมตัวหนังเองยังมีดีมากกว่าหนังแนวแก้แค้นทั่วๆ ไปซะด้วย แฟนๆ ดั้งเดิมของเฮีย ทราบแล้วเปลี่ยน
  • จุดด้อย: มีเรื่องบังเอิญเกิดขึ้นในหนังอยู่มาก จนลดทอนอารมณ์ร่วมลงไปเยอะทีเดียว และด้านฉากบู๊ที่ยังไม่กระหน่ำสะใจขาบู๊เท่าที่ควร






*ช่วงเพลงในหนัง*
The Heavy
นอกจากงานสกอร์ที่ออกแนวร็อคของ Clint Mansell แล้ว หนังยังมีเพลงร็อครุ่นเก่าและเก๋าจาก Iggy Pop เยี่ยงเพลง I Wanna be Your Dog ในฉากเปิดตัวนักฆ่าหน้าหล่อ และเพลงที่ไม่เก่าของ The Heavy วงอินดี้จากอังกฤษที่นำกลิ่นเพลงโซลและฟั้งค์ของคนผิวสีมาใช้กับงานเพลงของตนได้อย่างเป็นเอกลักษณ์น่าฟัง ซึ่งหนังก็นำเพลง Short Change Hero ของพวกเขามาใช้เป็นเพลงปิดท้ายหนังที่ให้อารมณ์ที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง สำหรับการเริ่มต้นใหม่ที่รออยู่ภายภาคหน้า และส่งคนดูออกจากโรงอย่างแฮปปี้ดีแทคเอย



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น