วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

Noroi: The Curse (2005): คำสาปสยอง ปีศาจหน้ามึน



Noroi: The Curse (2005) :
นับตั้งแต่หนังสยองแนว'เรื่องจริงผ่านจอกำมะลอ'อย่าง The Blair Witch Project (1999) เกิดฮิตสนั่นซะ ทั้งๆ ที่หนังก็ไม่ได้สนุกหรือดีเด่อะไรมากมายนัก แต่มันก็ได้กลายเป็นอิทธิพลให้แก่ผู้สร้างหนังรุ่นหลัง จนเกิดหนังแนวกล้องสั่นอย่าง [Rec] (2007), Paranormal Activity (2007), Cloverfield (2008), The Last Exorcism (2010) หรือแม้แต่หนังล่ายักษ์ของนอร์เวย์อย่าง The Troll Hunter (2010) และอีกมากมายที่ไม่ได้ยังเอ่ยถึงในที่นี้ (เพราะยังไม่ได้ดู) ตามมากันให้รึ่ม


คนมันน่ารักจะทำหน้ากลัวก็ยังดูน่ารัก
หนังสยองขวัญจากญี่ปุ่นเรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งที่ขอเข้าร่วมขบวนการกล้องสั่นกับเขาด้วย โดยหนังเสนอเรื่องราวของนาย โคบายาชิ มาซาฟูมิ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติ ที่พยายามออกสืบค้นและไขความลับเรื่องราวลี้ลับทั่วแดนปลาดิบ โดยได้บันทึกเหตุการณ์ทุกอย่างไว้ในกล้องวีดีโอ (ชวนให้นึกถึงดีเจป๋อง กพล ทองพลับ ในใบหน้าที่คล้าย อ.ยิ่งศักดิ์ ชอบกล) ซึ่งไปๆ มาๆ เขาก็พบว่าหลายเหตุการณ์ที่เจอล้วนเกี่ยวข้องกับปีศาจที่ชื่อ 'คากูทาบะ' ทั้งนั้น เขาจึงมุ่งมั่นที่จะค้นหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ จนได้พบพานกับเรื่องราวสุดหลอนมากมายเหลือคณานับเลยเชียว


เห็นผีหน้าตามึนๆ แบบนี้ก็เหอะ แต่หลอนเอาการเลยทีเดียว
ดูหน้าหนังกับพล็อตเรื่องแล้วก็ชวนให้คิดว่าคงจะเป็นเหมือนหนัง j-horror ธรรมดาๆ ทั่วไป แต่ผกก.โคจิ ชิราอิชิ (เจ้าของหนังสุดเสื่อมเรื่อง Grotesque [2008] ซึ่งเป็นเพียงเรื่องเดียวที่ทางบล็อกงดให้ดาว) ก็ฉลาดในการนำเสนอ โดยนอกจากยืนพื้นด้วยการจะใช้เทคนิคกล้องสั่นแล้ว ยังสลับกับการใช้ภาพจากรายการทีวี, ข่าวหรือคลิปเก่าๆจากกล้อง 16 มม. (ซึ่งทุกอย่างปลอมหมด) ที่นอกจากจะทำให้มีความหลากหลายในการนำเสนอแล้ว ยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเรื่องราวมากขึ้นไปอีกด้วย


มีภาพจากรายการทีวี (ปลอมๆ) มาให้ดูด้วย
ส่วนด้านความน่ากลัวนั้นก็หลอนและชวนขนลุกเอาการเลยทีเดียว แต่จะเป็นไปในลักษณะที่เน้นบรรยากาศมาคุกับดนตรีประกอบสุดหลอนซะมากกว่าที่จะเล่นมุกผีหลอกตุ๊งแช่ หรือมีผีโผล่มาให้เห็นจะๆ ในขณะที่เหล่านักแสดงก็โอเว่อร์แอ็กติ้งกันตามฟอร์มหนังญี่ปุ่น (หรือคนญี่ปุ่นเขาบุคลิกเป็นแบบนี้กันจริงๆ นะ) ซึ่งก็ทำให้ดูออกกันตั้งแต่แรกเลยว่านี่มันหนัง ไม่ใช่เรื่องจริงผ่านจออย่างที่ตั้งใจทำให้เชื่อ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาเลย เพราะหนังทำได้หลอนมากพอที่จะทำให้คนดูลืมคิดจับผิดไปเลยทีเดียว


แว๊ก!?
แต่ที่ชมมาซะเยอะก็ไม่ใช่หมายความว่าหนังเรื่องนี้จะดูแล้วชอบกันได้ทุกคน เพราะการที่หนังทั้งยาวเกือบสอง ชม. หากแทบไม่มีฉากระทึกๆ ชวนลุ้นเลยเช่นนี้ หลายคนคงจะเซ็งกันได้ง่ายๆ แต่ยังไงซะ ถ้าใครชอบหนังสยองขวัญแนวผีสางที่เน้นบรรยากาศสุดหลอนชวนขนลุก มีวิธีการนำเสนอที่เข้าท่าหลากหลายไม่ได้กล้องสั่นกันตลอดทั้งเรื่องจนน่าเวียนหัว และยังทำให้ได้รู้ถึงความเชื่อในเรื่องภูติผีปีศาจของคนญี่ปุ่นมากขึ้น ก็คงจะถูกใจเรื่องนี้กันแน่ ซึ่งถ้าจะเทียบกับหนังผีญี่ปุ่นอีกหลายๆ เรื่องแล้ว หนังเรื่องนี้กินขาดไปหลายขุมเลยจ้า
  • จุดเด่น: เป็นหนังผีแนวเรื่องจริงผ่านจอกำมะลอจากญี่ปุ่น ที่ทำออกมาได้น่าสนใจ มีวิธีการนำเสนอที่หลากหลาย บรรยากาศของหนังก็หลอนไม่ใช่เล่น
  • จุดด้อย: ถ้าคาดหวังว่าจะเห็นผีจะๆ แบบหนังผีญี่ปุ่นทั่วๆ ไป ก็คงจะผิดหวัง นี่ยิ่งหนังยาวเกือบ 2 ชม.เลยด้วย งานนี้อาจมีเซ็ง





*รีวิวหนังแนว'เรื่องจริงผ่านจอกำมะลอ'และหนังเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในบล็อก*




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น