วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

Cold Prey 1-3: ไตรภาคไอ้โหดเชือดลืมหนาว


ถ้าเป็นเมื่อก่อน พอเอ่ยถึงหนังนอร์เวย์ขึ้นมา หลายคนคงจะนึกไปถึงหนังอาร์ต, หนังดราม่าหรือหนังอะไรก็ตามที่มันห่างไกลจากคำว่าหนังตลาดสไตล์ฮอลลีวู้ด แต่พักหลังๆ มานี้ประเทศนี้มีหนังหลากหลายแนวโผล่ออกมาให้คอหนังทั่วโลกได้ฮือฮากันบ่อยๆ โดยเฉพาะกับหนังแนวสยองขวัญที่มาแรงแซงทางโค้งเอามากๆ ยกตัวอย่างเช่นหนังซอมบี้นาซีโหดมันส์ฮาอย่าง Dead Snow (2009) หนังวัยรุ่นหนีตายอย่าง Manhunt (2008) และหนังเชือดไตรภาคสุดฮิตชุดนี้ ว่าแล้วเราก็เลยขอรีวิวทั้งสามภาคแบบรวบยอดไว้ด้วยกัน ณ ที่นี้เสียเลยจ้า



Cold Prey (2006) :
ภาคแรกโดยฝีมือการกำกับของ Roar Uthaug นี้นั้นได้รับคำชื่นชมจากบรรดานักวิจารณ์และคอหนังสยองขวัญเอาการ เรียกได้ว่าได้ทั้งเงินทั้งกล่องเลยก็ว่าได้ ด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับวัยรุ่นห้าคนที่ชักชวนกันไปเล่นสโนว์บอร์ดแถวเทือกเขา Jotunheimen แต่ว่าต่อมาดันไปติดพายุหิมะก็เลยต้องระเห็จเข้าไปหลบหนาวในโรงแรมร้างแถวนั้นจนเจอดีเข้า (ต้องเรียกว่าเจอไม่ดีสิ) เมื่อฆาตกรจอมโหดเชือดไม่ทักที่อาศัยอยู่ในนั้นออกมาตามไล่ฆ่าพวกเขาทีละคนๆ ซะงั้น


เจออะไรเข้าล่ะถึงได้อ้าปากหวอแบบนั้น
หนังเดินตามขนบหนังแนวเชือดแบบเป๊ะๆ มันก็เลยค่อนข้างจะมีอะไรๆ ที่ซ้ำๆ พอคาดเดาได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวโกงที่แข็งทื่อ พูดไม่เป็น และตั้งหน้าตั้งตาจะฆ่าคนอย่างเดียว แต่ว่าหนังก็ยังเจ๋งได้อยู่ตรงที่ไม่มีตัวละครทำอะไรงี่เง่าๆ ให้เห็นเลย ยิ่งพามาเจอทิวทัศน์อันขาวโพลนเพราะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ก็เลยทำให้ได้บรรยากาศสุดลุ้นที่ดูเข้าท่ามิใช่น้อย ซึ่งสำหรับคอหนังสยองขวัญแล้ว การที่หนังนอร์เวย์เรื่องนี้ทำได้ถึงขนาดนี้ก็ถือว่าแจ่มมากมายแล้วล่ะเนอะ


ขาดสาวๆ นุ่งน้อยห่มน้อยไม่ได้เลยเชียว
  • จุดเด่น: เป็นหนังแนวเชือดจากนอร์เวย์ที่ทำได้เข้าท่า มีลุ้น ไม่มีอะไรที่งี่เง่าๆ ให้เห็น
  • จุดด้อย: มาตามขนบหนังแนวนี้แบบเป๊ะๆ ไม่มีอะไรแปลกใหม่







Cold Prey 2 (2008) :
หนังภาคแรกฮิตซะ ว่าแล้วก็เลยต้องมีภาคต่อตามมา โดยคราวนี้ถึงจะเปลี่ยน ผกก.เป็น Mats Stenberg แต่หนังก็ยังได้นางเอก Ingrid Bolsø Berdal จากภาคแรกมารับบทเดิมอีกครั้ง ซึ่งเรื่องราวก็จะเล่าต่อจากภาคแรกกันเลย และแน่นอนว่าก็ต้องหาทางให้เจ้าวายร้ายได้มีโอกาสกลับมาปฏิบัติการจองเวรนางเอกกันอีกครั้ง เพียงแต่คราวนี้เปลี่ยนโลเคชั่นจากโรงแรมร้างบนเขามาเป็นโรงพยาบาลในเมืองเล็กๆ กันบ้างล่ะ


นางเอกภาคแรกกลับมาอีกครั้ง
มาภาคนี้หนังมีฉากแอ็คชั่นเพิ่มมากขึ้น โหดกันจะๆ มากขึ้น แต่เมื่อเทียบกับภาคแรกแล้วก็ยังถือว่ายังดูด้อยกว่านิดหนึ่ง โดยเฉพาะในเรื่องบรรยากาศ ซึ่งผู้สร้างก็ขอทดแทนด้วยการเล่าถึงปูมหลังที่มาที่ไปของวายร้ายในสมัยยังเด็กเพิ่มขึ้น ว่าทำไมเขาถึงได้กลายเป็นไอ้โหดในทุกวันนี้ ก็เลยช่วยชดเชยในส่วนที่ขาดหายไปได้อยู่บ้าง และส่งผลให้หนังยังมีคุณภาพพอฟัดพอเหวี่ยงกับภาคแรกทีเดียวเชียว


ขาดไม่ได้ที่ต้องมีสาวๆ มาแหกปากกรีดร้อง
  • จุดเด่น: เป็นหนังภาคต่อที่คุณภาพไม่ด้อยไปจากภาคแรกมากนัก แถมยังจะบู๊กระจายและโหดมากกว่าอีก แฟนๆ คงจะไม่ผิดหวังกัน
  • จุดด้อย: ขาดความชวนลุ้นและเสน่ห์บางอย่างลงไปนิดเมื่อเทียบกับภาคแรก







Cold Prey 3 (2010) :
แม้ในตอนจบภาคสองเจ้าตัวร้ายจะถูกนางเอกยิงหัวแบะไปแล้ว (อุ๊บส์!) แต่ผู้สร้างก็หาทางให้มันกลับมาเรียกเงินเข้ากระเป๋าอีกครั้งจนได้ ซึ่งก็ไม่ได้ปลุกให้มันลุกขึ้นมาจากหลุมแบบ เจสัน ศุกร์ 13 หรอกนะ ทว่าภาคนี้จะเป็นการพาย้อนไปในสมัยกลางยุค 80 เพื่อเล่าเรื่องสมัยมันยังหนุ่มๆ เอ๊าะๆ ตอนที่กำลังฝึกวิชาโหดอยู่ต่างหาก ซึ่งก็มีเหยื่อวัยรุ่นเอ๊าะๆ หลงมาให้เชือดถึงที่ซะตั้ง 6 คน สบายใจเฉิบไอ้โหดไปเลยเชียว


อย่าทำให้สาวคนนี้โกรธเข้าล่ะ
แค่การที่ไม่มีนางเอก Ingrid Bolsø Berdal ที่ถือเป็นเครื่องหมายการค้าของหนังแฟรนไชส์นี้แล้ว มันก็เลยชักจะทะแม่งๆ ชอบกล (แถมเปลี่ยนผกก.อีกครั้งเป็น Mikkel Brænne Sandemose) และภาคนี้ก็เปลี่ยนบรรยากาศสภาพแวดล้อมมาเป็นช่วงที่ยังไม่ถึงหน้าหนาวบ้าง ดังนั้นเราจึงจะได้เห็นการไล่ฆ่ากันในป่าแทนที่จะเป็นการไล่ล่ากันในที่แคบๆ โดยที่มีหิมะหนาเตอะเป็นพื้นหลังอย่างที่เคย ซึ่งก็ชวนให้นึกถึงหนังพวก Wrong Turn หรือหนังบ้านเดียวกันอย่าง Man Hunt ไปซะงั้น ตรงนี้แฟนเก่าๆ ที่ชอบบรรยากาศจากสองภาคแรกก็อาจจะมีเคืองได้


วิ่งหนีกันหน้าตั้งเชียว
มาว่ากันด้านลุ้นระทึกหรือด้านโหดก็ดูจะด้อยกว่าสองภาคแรก เพราะหนังออกมาค่อนข้างธรรมดาและซ้ำซากไปนิด ตัวละครหลักก็ไม่ได้ใจคนดู ไม่น่าเอาใจช่วยอย่างที่นางเอกคนเก่าเคยทำได้ ภาคนี้ก็เลยดูจะผิดกลิ่นจากภาคก่อนๆ ไปพอสมควร ถึงหนังจะไม่ได้ถึงขั้นเลวร้ายจนเกินทน แต่ก็ถือว่าเป็นการปิดท้ายไตรภาคหนังแฟรนไชส์ชุดนี้ได้อย่างค่อนข้างน่าผิดหวัง ซึ่งก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าทางผู้สร้างจะเข็นภาคสี่ออกมาอีกหรือไม่และอย่างไรกันล่ะเน้อ
  • จุดเด่น: หนังภาคสามที่ย้อนไปเล่าเรื่องราวความเป็นมาของตัววายร้ายในสมัยเอ๊าะๆ ที่แฟนๆ จะได้รู้ว่ามันไปฝึกวิชาโหดมาจากสำนักไหนมาหนอ
  • จุดด้อย: หนังธรรมดามากๆ ถ้าเทียบกับสองภาคแรก แถมยังผิดกลิ่นแทบจะกลายเป็นเรื่องอื่นไปเลยด้วยซ้ำ





*รีวิวหนังสยองขวัญจากนอร์เวย์และหนังเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในบล็อก*

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น