วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Tooth Fairy (2010): เขาวานให้พี่ล่ำเป็นนางฟ้า


Tooth Fairy (2010) :
หลังจากผันตัวจากอาชีพนักมวยปล้ำมาเล่นหนังตั้งแต่ปี 2001 เฮีย Dwayne Johnson หรือที่ชาวประชาเคยรู้จักกันในนาม The Rock ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยจะรุ่งเท่าไหร่จากหนังแนวบู๊ๆ หรือดราม่า จนพอมาเล่นหนังเอาใจเด็กอย่าง The Game Plan ในปี 2007 ที่ทำเงินไปทั่วโลกกว่า 140 ล้าน เฮียเลยค้นพบทางสว่างโดยการหันไปเน้นเล่นหนังเอาใจเด็กๆ ซะนับแต่นั้นเป็นต้นมา และนี่คือเรื่องล่าสุดที่เฮียจะมาขอรับบท 'นางฟ้าพิทักษ์ฟันน้ำนม' (หรือถ้าจะเรียกให้ถูกต้องก็ต้องเรียกว่านายฟ้าสิเนอะ อิอิ) โอ้ว ทำไปได้นะเฮีย!!


เฮียเขากลับมายิ้มกว้างโชว์ฟันขาวจั๊วะอีกแล้ว
ก็เพราะมีหุ่นที่โคตรล่ำซะขนาดนี้ ก็เลยหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่มักจะรับบทเป็นนักกีฬา ซึ่งเรื่องนี้เฮียเขามีอาชีพนักฮ็อคกี้น้ำแข็ง ฉายา The Tooth Fairy เพราะมักจะทำผู้เล่นทีมคู่แข็งฟันร่วงเป็นประจำ ซึ่งดูเหมือนเขาจะหลงตนเองดีทั้งที่ตนไม่ได้ทำสกอร์มาหลายปีแล้วก็ตาม ในขณะเดียวกันเฮียก็ไปติดพันแม่ม่ายลูกสอง (Ashley Judd จาก Crossing Over [2009]) แล้วคืนหนึ่งก็งานเข้าเมื่อเฮียดันไปหยิบเงินที่อยู่ใต้หมอนของลูกสาวแฟนมาโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ พอรู้ตัวอีกทีก็ได้รับหมายเรียกจากสวรรค์ให้ไปรับหน้าที่เป็นนางฟ้าซะสองสัปดาห์ เพื่อเป็นการลงโทษที่ลบหลู่ความเชื่อของเด็กๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งจากที่เขารับหน้าที่แบบไม่เต็มใจในตอนแรกๆ ก็ค่อยๆ ได้เรียนรู้และปรับปรุงตนให้เป็นคนดีของสังคมและเสริมสร้างคนรอบข้างให้แฮปปี้ตามแบบอย่างอเมริกันดรีมในที่สุด จบ.


เอฟเฟกท์ฉากมุดหมอนสุดตระการตา(ใคร?)
ดูจบแล้วถึงกับอุทานออกมาว่า "ว้าว" เฮียเขายอมทำตัว ปญอ.เอาใจเด็กๆ เต็มที่เลย ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องควรตำหนิถ้าจะเล่นหนังเอาใจเด็ก(แต่ก็ต้องทำให้ถึงด้วยนะ) แต่นี่หนังมาพร้อมพิมพ์นิยมของหนังครอบครัวอเมริกันที่มักจะชูประเด็นเรื่อง "พิสูจน์ตนเองสิ หนูทำได้"อันซ้ำซาก ยิ่งมาเจอการเล่าเรื่องที่ไม่ค่อยจะสนุกและมีแต่มุกที่ไม่สร้างสรรค์เข้าไปอีกก็จบเลยสิครับพี่น้อง จริงอยู่ที่บางคนอาจจะบอกว่าจะไปซีเรียสอะไรมากมาย นี่มันหนังสำหรับเด็กนะ ไม่ใช่หนังท้าทายสติปัญญาระดับออสก้าร์สำหรับผู้ใหญ่ซะหน่อย ซึ่งก็จริงอยู่ แต่สำหรับเด็กๆ สมัยนี้แล้ว คิดแบบนั้นคงจะเป็นการดูถูกสติปัญญาพวกเขาเกินไปหน่อยมั้ง เอาเป็นว่าถึงหนังจะห่วยและขาดแคลนความบันเทิงแต่อย่างน้อยหนังก็มีความตั้งใจอันดี ที่จะสอนคุณหนูๆ ให้รู้จัก "เฮ็ดในสิ่งที่ชอบ ชอบในสิ่งที่เฮ็ด" ซึ่งก็ยังดีกว่าปล่อยให้เด็กไปดูอะไรอย่างอื่นที่สอนให้เด็กๆ มีค่านิยมที่ผิดๆ ล่ะเนอะ


เพื่อเอาใจเด็กแล้วจะให้ทำตัวบ้าบอแค่ไหนเฮียเขาก็ยอม
  • น่าดูเพราะ: เป็นหนังที่ไม่มีพิษมีภัยเหมาะสำหรับเด็กๆ (ที่เด็กจริงๆ นะ)
  • ไม่น่าดูเพราะ: หย่อนความบันเทิง ซ้ำซาก และไม่เหมาะกับผู้ใหญ่คิดมากเช่นเราๆ ท่านๆ





*ช่วงอันเนื่องมาจากหนัง*

หน้าตาของ Tooth Fairy
สำหรับความเชื่อปรัมปราเกี่ยวกับ Tooth Fairy ของฝรั่งนั้นก็มีมาช้านานแล้ว ปัจจุบันเด็กๆ มักจะเชื่อว่า หากเอาฟันน้ำนมซี่ที่ร่วงเก็บไว้ใต้หมอน ในกลางดึก Tooth Fairy จะแอบมาเก็บฟันซึ่นั้นไป และจะทิ้งเงินไว้แทนเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนซะด้วย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอัตราแลกเปลี่ยนนั้นมีเรทเท่าไหร่ แต่เดาว่าคงขึ้นอยู่กับสภาพการเงินของพ่อแม่ด้วยล่ะมั้ง(เหอๆ)


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น