วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2553

Suck (2009): ดูดจ๊วบๆ แวมไพร์พันธุ์ร็อค


Suck (2009) :
ช่วงนี้จะหันไปทางไหนก็เจอแต่หนังแวมไพร์ ทั้งแวมไพร์ สยอง บู๊ โรแมนติค ตลก สยิว ก็มีมาหมด และทีนี้ก็ถึงคราวของแวมไพร์พันธุ์ร็อคบ้างล่ะ(เราจะทำเป็นลืม Queen of the Damned (2002)ไปก็แล้วกันเนอะ) ซึ่งหนังแวมไพร์ตลกจาก แคนาดา เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ขี้ไก่เลย เพราะขนศิลปินร็อคชื่อดังมาเพียบ อาทิ Dave Foley(แห่งวง Rush), Alice Cooper, Iggy Pop, Henry Rollins, Dimitri Coats (แห่งวง Burning Brides)และแม้แต่ศิลปินอิเลคโทรนิคอย่าง Moby มาผลัดกันร่วมสร้างสีสันอีกด้วย


แหม... ใช้หลอดดูดเป็นสเลอปี้เชียวนะจ้ะ
หนังเล่าเรื่องแสนวุ่นของวงดนตรีร็อคเล็กๆ ชื่อ The Winners ที่กำลังเดินสายแสดงตามเมืองต่างๆ ในแคนาดาและอเมริกา แต่มือเบสสาวของวง (Jessica Paré ที่หน้าเหมือน Liv Tyler มาก) ดันไปโดนแวมไพร์ตัวพ่อ (Coats) ทำให้กลายเป็นแวมไพร์อีกตัวไปซะนี่ ซึ่งกว่าสมาชิกในวงที่เหลือจะรู้ว่ามือเบสตนกลายเป็นแวมไพร์ไปซะแล้วก็เล่นเอาวุ่นวายกันน่าดูเชียว แต่แทนที่พวกเขาจะรังเกียจรังงอนเธอ กลับกลายเป็นว่าเห็นดีเห็นงามไปซะนี่ เพราะว่าเธอได้กลายเป็นตัวดึงดูดแฟนเพลงจนยอดเข้าชม Myspace ของทางวงพุ่งปรี๊ด ทำให้ความฝันที่จะดังของพวกเขาใกล้ความจริงขึ้นมา แต่ก็มีอุปสรรคจนได้เมื่อยังมีนักล่าแวมไพร์สุดเก๋าอย่าง Eddie Van Helsing (Malcolm McDowell จาก Halloween II [2009]) ที่กำลังตามล่าพวกเขาอย่างกระชั้นชิดชนิดหายใจรดต้นคอทีเดียว


หนังได้ศิลปินร็อคในตำนานมาร่วมแจมหลายคน
งานนี้พ่อหนุ่ม Rob Stefaniuk ทั้งกำกับและเล่นเป็นพระเอกเอง และเขาก็ทำหน้าที่ได้อย่างดีเพราะสามารถใส่ความเป็นตลกร้ายและอนิเมชั่นเข้ามาผสมผสานได้อย่างน่าสนใจ(ที่ทั้งเก๋และยังช่วยประหยัดงบได้อีก) ในขณะที่ด้านการเมคอัพแวมไพร์ก็ดูไม่หน่อมแน้ม ทว่าน่ากลัวอย่างที่ควรจะเป็น แต่เสน่ห์ที่แท้จริงของหนังก็คือ มุกที่เกี่ยวกับแวดวงดนตรีที่แทรกเข้ามาตลอดไม่ว่าจะเป็นการเลียนแบบปกอัลบั้มร็อคสุดคลาสสิคชุดต่างๆ การตั้งชื่อตัวละคร Eddie Van Helsing ที่ล้อเลียนยอดมือกีต้าร์ Eddie Van Helen แบบเห็นๆ และการที่มีเหล่านักดนตรีดังๆ ผลัดกันโผล่มาเรียกสีสันกันทั้งเรื่อง ซึ่งเป็นอะไรที่คงทำให้คอร็อคคงได้เฮกันได้ตลอดแน่

ป๋า Alice Cooper และลูกสาวก็มากับเขาด้วย
แต่ข้อเสียก็คือสำหรับคนที่ไม่ใช่คอร็อคสักเท่าไหร่แล้วก็คงจะไม่เก็ตมุกเหล่านั้นแน่นอน และอาจมองว่านี่เป็นแค่หนังแวมไพร์ธรรมดาๆ ที่สร้างออกมาตามกระแสก็ได้ กับช่วงท้ายที่หย่อนความสนุกลงไปนิดอีกด้วย โดยรวมแล้วถือว่าเป็นหนังแวมไพร์ตลกที่ทำออกมาได้มีเสน่ห์ในแบบที่อนาคตอาจขึ้นหิ้งหนังคัลต์ได้ แต่ว่าก็ว่าเหอะดูหนังแล้วทำให้เห็นประเด็นหนึ่งที่ว่า ในอดีตถ้านึกถึงหนังแวมไพร์ก็มักจะทำให้พวกมันออกมาน่าเกลียดน่ากลัว แต่มาทุกวันนี้การเป็นแวมไพร์กลับกลายเป็นอะไรที่มันเท่ ดึงดูดใจ ท้าทายชนิดที่ใครๆ ก็อยากจะเป็นกันไปซะงั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าค่านิยมเกี่ยวกับแวมไพร์ของคนเรายุคนี้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ จนถ้าพวกมันมีอยู่จริงก็คงจะอดเอ่ยขึ้นมาด้วยความตื้นตันใจเสียมิได้ว่า "ขอบคุณนะจ้ะ Twilight" แน่ๆ เชียว เหอๆ
  • น่าดูเพราะ: เป็นหนังแวมไพร์ตลกร้ายที่แทรกเรื่องดนตรีเข้ามาชนิดที่ต้องถูกใจคอร็อค(รุ่นเก่า)เป็นแน่เชียว
  • ไม่น่าดูเพราะ: ถ้าไม่ใช่คอร็อคจะพบว่าหนังดูสนุกน้อยลงไปกว่า 50% เลยทีเดียว




*ช่วงเพลงในหนัง*
มาด Alice Cooper ในหนัง
เพราะเป็นหนังที่เกี่ยวกับวงร็อค เลยมีแต่เพลงร็อคให้ฟังกัน โดยเฉพาะเพลงของวง The Winners วงสมมุติในหนังที่ยอดชายนาย Rob Stefaniuk ผกก./พระเอกเราแต่งไว้ใช้ในหนังซะหลายเพลง(ซึ่งก็เพราะดี) แต่ด้วยความที่มีศิลปินร็อครุ่นเก๋ามาร่วมแจมหลายราย ก็เลยยังมีเพลงร็อครุ่นลายครามมาให้ฟังกันอยู่บ้างไม่ว่าจะเป็นเพลงของ The Velvet Underground, David Bowie, Spoons และแน่นอนที่ต้องมีเพลงของบรรดาศิลปินที่มาร่วมแจมในหนังแน่ๆ ทั้ง Alice Cooper, Iggy Pop และ Burning Brides ซึ่งเราก็ได้เลือกบางเพลงมาฝากกัน (เสียดายที่เพลงของ The Winners หาฟังยังไม่ได้)

MP3: The Velvet Underground - Oh! Sweet Nuthin'


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น