วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2554

Priest (2011): หลวงพี่ขยี้มาร


Priest (2011) :
หลังจากการที่ร่วมงานกันครั้งก่อนในหนังดิสเครดิตพระเจ้าอย่าง Legion (2009) ดันประสบความสำเร็จเกินคาด (ทำเงินแต่ก็ถูกด่าเปิงเช่นกัน) เฮีย Paul Bettany จึงขอเกี่ยวก้อยควงแขนลั้ลลากลับมาพร้อม ผกก.Scott Stewart เจ้าเก่าอีกครั้ง ในผลงานหนังแอ็คชั่นไซไฟปนสยองขวัญที่ดัดแปลงมาจากหนังสือการ์ตูนเกาหลีชื่อเดียวกันที่ตีพิมพ์ระหว่างปี 1998-2007 นั่นเองจ้า


นี่หลวงพ่อโบสถ์ไหนเนี่ย?
เวอร์ชั่นหนังเสนอเรื่องราวในโลกอนาคตซึ่งกำลังเสื่อมโทรมได้ที่ เพราะสืบเนื่องมาจากการทำสงครามอันยาวนานระหว่างมนุษย์และแวมไพร์ (ที่หน้าตาไม่ได้ออกมาดูดีอย่างใน Twilight) จนกระทั่งฝ่ายศาสนจักรซึ่งเถลิงอำนาจครองเมือง (หรืออาจจะโลก?) ได้ตั้งหน่วยรบพิเศษของเหล่านักบวชมาดเข้มให้ไปต่อกรกับเหล่าแวมไพร์จนชนะ และคิดว่าตนกำราบพวกมันได้แล้ว


มวยคู่เอกประจำเรื่อง
โดยหารู้ไม่ว่าพวกแวมไพร์กำลังเตรียมการจะเอาคืนแบบจัดหนัก ซึ่งก็อาจจะมีเพียงนักบวชจอมยุทธ์มาดเข้ม (กว่า) ผู้เป็นมือวางอันดับหนึ่งของหน่วย (ซึ่งก็คือเฮีย Bettany) เพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถหยุดแผนการชั่วร้ายของแวมไพร์ครั้งนี้ไว้ได้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปนะคร้าบ


สองคนนี้มีไว้เพื่อกลุ่มวัยรุ่นโดยเฉพาะ
ด้วยการที่เราไม่เคยอ่านเวอร์ชั่นหนังสือการ์ตูนมาก่อน จึงมิอาจบอกได้ว่าหนังเขาดัดแปลงมาจากหนังสือมามากน้อยแค่ไหน ดังนั้นจึงขอว่ากันตามเนื้อหนังเท่านั้น ซึ่งก็พบว่าหนังมีบรรยากาศเหมือน Mad Max เวอร์ชั่นแวมไพร์ ที่มาพร้อมพระเอกที่มาดอย่างกับเจได ฉากบู๊เหาะเหินเดินอากาศกะเอาเท่ และความสยองตุ้งแช่กะเอาสะดุ้ง


แถวนี้คือเขตถอดหมวกกันน็อค 100%
แต่ว่าหนังยังทำได้ไม่ดีในทุกส่วนที่กะจะขาย จะบู๊หรือจะสยองก็ยังธรรมดาไป ซึ่งส่วนหนึ่งก็น่าจะมาจากการที่หนังกะติดเรท PG-13 เลยต้องกั๊กๆ ไว้เช่นนี้ ยิ่งพอมาเจอการเล่าเรื่องที่รีบๆ จบด้วยเวลาไม่ถึงชั่วโมงครึ่ง (87 นาทีรวมเอนด์เครดิตด้วยแล้ว) ก็เลยยิ่งขาดอารมณ์ร่วมไปกันใหญ่เชียว ผกก.Stewart จึงเป็นอีกคนที่สามารถทำให้หนังที่น่าจะดูสนุกให้ออกมาไม่สนุกได้ (ซะงั้น ) แต่ยังดีที่ในส่วนของงานด้านโปรดักชั่นและซีจี ก็ยังทำให้บรรยากาศโลกอนาคตอันรกร้างออกมาดูเข้าท่าได้อยู่บ้าง


หน้าตาของ Priest เวอร์ชั่นต้นฉบับ
และก็อีกครั้งที่ ผกก.เราเลือกทำหนังที่แตะประเด็นเกี่ยวกับศาสนา โดยคราวนี้ขอแขวะศาสนจักร (คาทอลิก) อย่างเช่นการที่ศาสนจักร (คน) พยายามทำตัวเป็นพระเจ้าเสียเอง หรือการที่มีตู้สารภาพบาปกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่ถึงแม้สิ่งเหล่านี้จะเป็นจิตนาการของผู้สร้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่าปัจจุบันก็มีอะไรที่เสื่อมๆ คล้ายๆ แบบนี้ให้เห็นอยู่เช่นกัน ซึ่งก็ต้องเข้าใจก่อนนะว่า พระเจ้าไม่มีทางเสื่อมลง มีแต่มนุษย์ (ศาสนา) เท่านั้นที่เสื่อมลงเน้อ
  • + วิวทิวทัศน์บางฉากที่พอจะน่าดูอยู่ หนังเหมาะจะดูแบบหนังกลางแปลงที่ไม่ต้องตั้งใจดูมากก็ยังดูรู้เรื่องเลย
  • - หนังธรรมดาไปซะทุกด้าน คิวบู๊ที่กะจะเท่ แต่บางทีดูแล้วตลกมากกว่านะ



*รีวิวหนังเรื่องอื่นๆ ของเฮีย Paul Bettany ภายในบล็อก*



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น