วันพุธที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2554

Hachiko: A Dog's Story (2009): ยอดน้องหมาผู้สัตย์ซื่อ

Hachiko: A Dog's Story (2009) :
หนังสำหรับคนรักน้องหมาที่รีเมคมาจากหนังญี่ปุ่นปี 1987 ซึ่งสร้างจากเรื่องจริงอันเกี่ยวกับ ฮาจิโกะ น้องหมาพันธุ์ อากิตะ ผู้มีความรักและจงรักภักดีต่อเจ้านายของมันอย่างโคตรๆ จนสร้างความประทับใจแก่ทุกคนที่พบเห็น ซึ่งเวอร์ชั่นมะกันนี้ได้ ผกก.ชาวสวีเดนที่ถนัดในการทำหนังชวนประทับใจอย่าง Lasse Hallström (Chocolat [2000]) มารับผิดชอบ และยังได้ป๋า Richard Gere (Chicago [2002]) มารับบทนำอีกด้วย


ยอดสั่งซื้อน้องหมาพันธุ์นี้คงพุ่งแน่งานนี้
หลังจากได้พบกันโดยโชคชะตาฟ้ากำหนดในค่ำคืนวันหนึ่ง เจ้า ฮาจิโกะ น้องหมาที่อิมพอร์ทส่งตรงจากญี่ปุ่น ได้ตกอยู่ในการเลี้ยงดูของ ศจ.Parker Wilson (Gere) ผู้มีใจโอบอ้อมอารี ทั้งสองผูกพันกันมาก ในทุกๆ วันเมื่อท่าน ศจ.จะไปทำงาน มันก็จะเดินตามไปส่ง และไปรอรับเขาที่หน้าสถานีรถไฟในตอนเย็นด้วย กระทั่งวันที่เจ้านายของมันไม่ได้กลับมาอีกเลย แต่ด้วยความรักความซื่อสัตย์ที่ไม่สิ้นสุดต่อเจ้านายของมัน แม้เวลาจะล่วงเลยไปนานแค่ไหน มันก็ยังคงเดินมารอเจ้านายมันอย่างใจจดใจจ่อหน้าสถานีรถไฟนั้นในทุกๆ วัน จนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิตมันเลยทีเดียว


หมาน่ารักใครๆ ก็อยากเจ๊าะแจ๊ะด้วย
หลังจากหาทางแถให้เจ้า ฮาจิโกะ มาอยู่ที่อเมริกาได้(ในที่นี้คือเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งในรัฐโรด ไอส์แลนด์) หนังก็เริ่มเดินหน้าสร้างความประทับใจกันทันที คุณ ผกก.Hallström ยังทำหน้าที่ของเขาได้อย่างแน่นอน หนังสามารถสร้างความอบอุ่น ประทับใจ เศร้าซึ้ง ไปกับชะตากรรมของเจ้า ฮาจิโกะ แบบที่จะทำให้คนรักหมาทั้งหลายได้ร้องไห้สะอึกสะอื้นกันแน่นอน แต่สำหรับคนทั่วๆ ไปก็ยังถือเป็นหนังดีที่ดูได้ทุกเพศทุกวัยอยู่ดี ป๋า Gere รับบทนำได้อย่างเป็นธรรมชาติ เช่นเดียวกับนักแสดงสมทบทั้งหลาย ในขณะที่น้องหมาสามตัวที่ผลัดเปลี่ยนกันมาสวมบท ฮาจิโกะ ในแต่ละวัยก็ทำหน้าที่ได้อย่างดี ผกก.ก็สามารถจับอารมณ์ แววตา ท่าทาง ของมันออกมาได้อย่างเข้าท่า โดยเฉพาะภาพแทนสายตาของมันที่ผู้สร้างเข้าใจนำเสนอออกมาเป็นขาวดำ(เพราะหมาตาบอดสี) ส่วนดนตรีประกอบที่เน้นเสียงเปียโนอันพริ้วไหวโดย Jan A. P. Kaczmarek นั้นก็เสริมสร้างอารมณ์ให้กับหนังได้อย่างสุดๆ


เตรียมทิชชู่ไว้ซับน้ำตาเยอะๆ ล่ะ
ส่วนใหญ่หนังมะกันที่รีเมคจากชาติอื่นมักจะไม่ค่อยถึงคุณภาพสักเท่าไหร่ แต่สำหรับเวอร์ชั่นนี้ แม้จะไม่เคยดูต้นฉบับมาก่อน ก็ยังประทับใจกับเรื่องราวความซื่อสัตย์ของเจ้าฮาจิได้อยู่ โดยรวมแล้วถึงจะเป็นหนังน้องหมาที่เน้นสร้างความประทับใจทั่วๆ ไป แต่สำหรับผู้ที่รักน้องหมาเยี่ยงเราๆ ท่านๆ หลายคนแล้ว นี่จะเป็นหนังในดวงใจอีกเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว



หน้าตาเจ้า ฮาจิ ตัวจริง
ถ้าหากมีคนผิดนัดเรา มาช้าไปชั่วโมงสองชั่วโมง เราส่วนใหญ่คงจะไม่รอแล้ว คงไม่ใคร่มีใครจะนั่งรอ 2-3 ชม. หรืออาจจะทั้งวันเพื่อรอคนอื่น ลองคิดดู พี่น้องจะใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อรอใครสักคนกลับมามั้ย? หลายครั้งเราเลือกที่จะลืม และก็ดำเนินชีวิตต่อไป ซึ่งมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิด นั่นเป็นธรรมชาติของคนเราที่มีแนวโน้มที่จะลืมอยู่แล้ว สำหรับมนุษย์เราน้องหมาอาจเป็นแค่ส่วนหนึ่งในชีวิต แต่สำหรับน้องหมาแล้ว... เราคือทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกมันมี

  • น่าดูเพราะ: เป็นหนังที่ชวนประทับใจอย่างสุดซึ้ง เหมาะสำหรับผู้รักน้องหมา แต่ก็ดูกันได้ทุกเพศทุกวัย และอย่าลืมเตรียมกระดาษทิชชู่ไว้เยอะๆ ด้วยล่ะ
  • ไม่น่าดูเพราะ: อย่าพยายามเปรียบเทียบกับต้นฉบับหรือข้อเท็จจริงนัก และสำหรับบางคนนี่คือหนังหมาๆ เรียกความประทับใจทั่วๆ ไป




*อันเนื่องมาจากหนัง*

อนุสาวรีย์เจ้าฮาจิโกะที่ตั้งอยู่บริเวณสถานีรถไฟชิบูยะ ณ ญี่ปุ่น

เรื่องราวของเจ้าฮาจิโกะ นั้นต้องย้อนไปที่ญี่ปุ่นในปี 1923 เมื่อมันได้เกิดมาในฟาร์มแห่งหนึ่งใกล้เมือง โอดาเตะ เขตอากิตะ พอปี 1924 มันก็ถูกพามาที่โตเกียว โดย ทั่น ศจ.ฮิเดซาบูโร่ อูเอโนะ แห่งมหาวิทยาลัยโตเกียว สิ่งที่ผู้คนพบเห็นเป็นประจำก็คือภาพที่ ฮาจิโกะ ได้ไปส่งไปรับทั่น ศจ.บริเวณสถานีรถไฟนี้ จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อท่าน ศจ.ไม่ได้กลับมาพร้อมรถไฟขบวนบ่ายวันนั้น เพราะเสียชีวิตจากอาการเส้นเลือดในสมองแตกอย่างกระทันหัน ทิ้งให้เจ้าฮาจิโกะผู้ซื่อสัตย์รอคอยอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต่อไป

ต่อมามันก็ถูกมอบให้คนอื่นไปเลี้ยงดู แต่ก็หนีกลับมาบ้านเดิมของท่าน ศจ.อยู่เป็นประจำ พอมันรู้ว่าเจ้านายมันไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนั้นอีกแล้ว มันจึงไปตามหาเจ้านายมันที่สถานีรถไฟชิบูยะ ทุกๆ วันมันจะมานั่งรอนอนรอเจ้านายมันกลับมา แต่ก็ไม่เห็นกลับมาซะที คนแถวนั้นก็รู้สึกสงสารเลยพากันให้อาหารมันกินอยู่เสมอ มันจะมารอที่สถานีในช่วงเย็นของทุกวัน โดยจะโผล่มาเวลาที่รถไฟมาถึงแบบเป๊ะๆ และมันก็ทำอย่างนี้ตลอดเวลาเกือบสิบปี

ในวันที่ 8 มี.ค.1935 มีคนพบมันนอนตายอยู่บนถนนในชิบูยะ ในหัวใจมันพบหนอนพยาธิตัวกลมฟิลาเรีย(ซึ่งติดเชื้อโดยการถูกยุงกัด) และยังพบไม้เสียบ ยากิโทริ(ไก่ย่างญี่ปุ่น) อยู่ในกระเพาะอีกประมาณ 3-4 ไม้

แล้วเรื่องราวของมันก็ถูกตีพิมพ์จนโด่งดังไปทั่วประเทศ มีการสร้างอนุสาวรีย์รูปหล่อทองแดงของมันที่สถานีชิบูยะ และมันได้กลายเป็นตัวแทนแห่งความซื่อสัตย์และจงรักภักดีที่เป็นแบบอย่างแก่คนทั้งชาติ มาจนทุกวันนี้


*คัดข้อมูลคร่าวๆ จาก wikipedia*

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น