วันศุกร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2553

X Japan เตรียมบุกเทศกาลดนตรี Lollapalooza!!



X Japan ในความคิดของวัยรุ่นยุคนี้
ถ้าจะถามวัยรุ่นสมัยนี้ว่า X Japan คืออะไร? หลายคนคงจะตาเป็นประกายขึ้นมาเชียวพร้อมกับบอกว่า "อ๋อ.. ก็คือหนังชนิดหนึ่งที่นิยมพูด อิคึๆ คิมูจิๆ กันทั้งเรื่องไงล่ะเพ่"(อืม...ถูกของมัน) แต่สำหรับวัยรุ่นที่โตมาในปลายยุค 80-ต้นยุค 90 แล้วคำว่า X Japan นั้นหมายถึงวงฮาร์ดร็อคสุดฟู่ฟ่าจากญี่ปุ่นที่เคยฮ็อตฮิตที่สุดในบ้านเราช่วงหนึ่งต่างหากล่ะ

X Japan ในความคิดของวัยรุ่นปลายยุค 80-90
และในวาระดิถีที่พวกเขากำลังจะเป็นหนึ่งในศิลปินที่ได้ร่วมเทศกาลดนตรี Lollapalooza ครั้งล่าสุดนี้ (แถมได้เล่นเวทีหลักซะด้วยนะ) ทางบล็อกเลยขอกล่าวถึงความเป็นมาคร่าวๆ ของพวกเขาเพื่อเป็นการรำลึกอดีตอันแสนหวานสักหน่อย เผื่อเด็กรุ่นหลังจะได้ทำความรู้จัก และอัพเดตความเคลื่อนไหวให้แก่แฟนๆ รุ่นเก่า หากผิดพลาดประการใดขออภัยล่วงหน้าด้วย เพราะต้องยอมรับว่าถึงจะนิยมชมชอบงานเพลงของพวกเขาเป็นทุนเดิมแต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะเรียกตนเองว่าเป็นแฟนตัวจริงของพวกเขาจ้า


X Japan เดิมเป็นที่รู้จักกันในนาม X พวกเขามาจากจังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น ย้อนกลับไปเมื่อปี 1982 เมื่อนักร้องนำ โทชิมิตสึ 'โทชิ' เดยาม่า และมือกลอง โยชิกิ ฮายาชิ ได้เจอะกันในช่วงที่เรียน ม.ปลาย และตัดสินใจตั้งวงดนตรีร่วมกัน พวกเขารับสมัครมือกลองและมือกีต้าร์อีกสองคน และทำดนตรีแนวสปีดเมทัลที่ทรงพลังผสมกับร็อคแฮร์แบนด์ของยุค '80 แซมด้วยเพลงบัดลาดสุดเพราะละลายใจสาวเข้าไป


เป็นหนึ่งในวงที่ใช้สเปรย์ฉีดผมเปลืองที่สุดวงหนึ่ง
ซิงเกิ้ลแรกของพวกเขา 'I’ll Kill You' ออกจำหน่ายโดย Da Da Records ในปี 1985 ซึ่งก็เรียกความสนใจจากคอเพลงในบ้านเกิดของพวกเขาได้พอสมควรทีเดียว โดยเฉพาะด้านเสื้อผ้าหน้าผมของพวกเขาที่ดึงดูดความสนใจได้ชะงัดนักแล จนอาจจะเรียกได้ว่าพวกเขาเป็นวงแรกๆ ของกลุ่มศิลปินแนว 'visual kei' ก็เป็นได้
สมาชิกของวงแต่ละคนมีทรงผมที่อลังการงานเซ็ท แต่งกายครีเอทกันสุดฤทธิ์และดูคล้ายพวกหญิงก็ไม่ใช่ชายก็ไม่เชิง ซึ่งก็เป็นวิธีการของชาวญี่ปุ่นเขาที่นิยมผสมผสานความเป็นแฮร์เมทัล(วงเมทัลที่นิยมไว้ผมยาวสลวยสวยเก๋) เข้ากับแกลมร็อค (ศิลปินร็อคที่เน้นแต่งตัวให้สวยเก๋สุดฤทธิ์สุดเดชเข้าไว้) จนออกมาสวยเด้งเป็นเนื้อเดียวกัน


Endless Rain หนึ่งในเพลงฮิตของพวกเขา
หลังจากมีผลงานโผล่อยู่ในอัลบั้มรวมศิลปินอยู่สองสามเพลง ฮายาชิ ก็เริ่มก่อตั้งตราแผ่นเสียงอิสระของตนชื่อ Extasy Records ขึ้นมา และปล่อยอัลบั้มชุดแรกของวงอย่าง 'Vanishing Vision' มาในปี 1988 ซึ่งในจุดนั้นทางวงก็ได้สองมือกีด้าร์ โทโมอากิ อิชิซูกะ, ฮิเดโตะ 'ฮิเดะ'มัตซึโมโต้ และ มือเบส ไทจิ ซาวาดะ มาร่วมวงแบบครบสมบรูณ์เป็นไลน์อัพแรกพอดี
อัลบั้มที่สอง 'Blue Blood' ที่ออกมาในปี 1989 โดยสังกัด CBS ก็ทำให้วงมีชื่อเสียงขึ้นมาอีกหน่อยจากความสำเร็จของซิงเกิ้ลอย่าง 'Endless Rain' เพลงพาวเวอร์บัลลาดโคตรฮิตแห่งยุค '80 ส่วนอัลบั้มชุดถัดมาอย่าง 'Jealousy'ก็ไปบันทึกเสียงกันถึงแอลเอกันเลย และทำให้วงมีคอนเสริต์ครั้งแรกที่โตเกียวโดม ซึ่งเป็นสถานจัดคอนเสริต์ในร่มที่ใหญ่ที่สุดใน
ขณะนั้นของญี่ปุ่น


ปกอัลบั้ม Blue Blood (1989) และ Jealousy (1991)
ความสำเร็จที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้พวกเขาจำต้องเปลี่ยนชื่อวง เพราะว่ามีวงพั้งค์ที่ชื่อ X ในอเมริกาอยู่แล้ว ดังนั้น ถ้าวง X จากญี่ปุ่นต้องการที่จะเรียกความสนใจจากคอเพลงชาวอเมริกาเหนือ พวกเขาต้องสร้างความแตกต่างให้แก่ตนเองโดยเพิ่มชื่อชาติของพวกเขาลงไปด้วย ซึ่งการเปลี่ยนชื่อวงก็ได้เปลี่ยนแนวเพลงของพวกเขาไปด้วย จากเมทัลธรรมดา กลายเป็นเริ่มมีความเป็นโปรเกรสซีฟเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ซึ่งก็รวมถึง ซิงเกิ้ลเมื่อปี 1993 อย่าง 'Art of Life' ที่มีความยาวกว่า 29 นาทีเลยทีเดียว


Hide มือกีต้าร์ของวงที่ตัดสินใจฆ่าตัวตายไปอย่างสุดช็อค
สี่ปีต่อมา(1997) ทางวงเริ่มระส่ำระสายเมื่อนักร้องนำ เดยาม่าตัดสินใจออกจากวงไป ข่าวลือโหมกระพรือว่าเขาได้เข้าร่วมลัทธิหนึ่งที่ห้ามไม่ให้เขายุ่งเกี่ยวกับงานดนตรีอีกต่อไป ซึ่งเขาก็ออกมาโต้แย้งกับข่าวที่ออกไปเช่นนั้น หลังจากคอนเสิรต์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่โตเกียวโดม พวกเขาก็ตัดสินใจแยกย้ายกันไปทางใครทางมัน ฮิเดะปล่อยอัลบั้มเดี่ยวแนวอัลเทอร์เนทีฟร็อคออกมา เดยาม่าทำเพลงแนวอคูสติก อิชิซูกะและมัตซึโมโต้ ฟอร์มวงชื่อ Dope Headz ส่วน ฮายาชิ ก็ไปทำงานร่วมกับ Roger Taylor มือกลองของวง Queen หลังจากนั้นไม่นาน ฮิเดะ ก็ตัดสินใจฆ่าตัวตายไปชนิดช็อคโลก สร้างความเสียใจอย่างสุดซึ้งแก่แฟนเพลงทั้งหลาย


X Japan ยุครียูเนี่ยน
ในปี 2007 เดยามะประกาศบนเว็บไซต์ของเขาว่า X Japan จะกลับมารียูเนี่ยนกันอีกครั้ง ด้วยสมาชิกดั้งเดิมที่ยังเหลืออยู่ พวกเขาประกาศการทัวร์ ปล่อยซิงเกิ้ล มีเพลงในซาวน์แทร็คหนัง Saw IV (2007) การแสดงสดของพวกเขาก็มีมือกีต้าร์ดังๆ ผลัดเปลี่ยนกันมาเล่นแทนในตำแหน่งของ ฮิเดะ อาทิเช่น Wes Borland (Limp Bizkit, Black Light Burns), Richard Fortus (Guns ‘N Roses), และ Sugizo (Luna Sea) ต่อมาพวกเขาก็เริ่มออกทัวร์นอกญี่ปุ่น ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในทวีปเอเซีย


Perry Farrell แห่ง Jane's Addiction โต้โผใหญ่ของงานกำลังสัมภาษณ์ Yoshiki Hayashi
ล่าสุดพวกเขาประกาศว่าทางวงจะย้ายไปตั้งหลักกันที่ แอลเอ และมีโชว์ขึ้นบ้านใหม่ซึ่งจัดกันที่ คลับโนเกีย ในช่วงต้นเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นโชว์ในสหรัฐครั้งแรกในรอบสิบปีของพวกเขา อย่างไรก็ตาม พวกเขาหวังว่าการแสดงในเทศกาลดนตรี Lollapalooza ในช่วงสัปดาห์นี้ (ขึ้นแสดงวันอาทิตย์ที่ 8 ส.ค.นี้ที่เวที Parkways เวลา 4 โมงเย็น) ซึ่งจะเป็นการเปิดตัวในสหรัฐอย่างเป็นทางการของพวกเขาจะไปได้สวย อ่อ แล้วอีกอย่าง พวกเขาวางแผนจะออกอัลบั้มชุดที่หกในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ แฟนเพลงเตรียมเฮได้เลยจ้า






*คักลอกและแปลข้อมูลบางส่วนจาก consequenceofsound.net จ้า*


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น