วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2553

The Experiment (2010): AF เวอร์ชั่นขังชาย

The Experiment (2010) :
และแล้วหนังคุกเทียมๆ แต่อยู่แล้วชีช้ำอย่าง Das Experiment (2001) ของ ผกก.ชาวเยอรมัน Oliver Hirschbiegel (Downfall [2004]) ก็ถูกฮอลลีวู้ดจับไปรีเมคเรียบร้อย แถมดาราที่มาเล่นก็ไม่ใช่ขี้ไก่มาจากไหน เพราะได้สองดารานำชายออสก้าร์อย่าง Adrien Brody (Predators [2010]) และ Forest Whitaker (Repo Men [2010]) มาเชือดเฉือนบทกันเชียวนะ อีกทั้งตัว ผกก.อย่าง Paul Scheuring ก็คุ้นเคยมากับหนังแนวคุกๆ แบบนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้วจากการที่เป็นมือเขียนบทและอำนวยการสร้างให้กับซีรี่ส์แหกคุกสุดดังในอดีตอย่าง Prison Break (2005-2009) นั่นเอง


พี่เขาหัวโล้นมาเลยในเรื่องนี้
หนังเดินตามรอยต้นฉบับซึ่งว่าด้วยเรื่องของชาย 26 คนที่สมัครเข้าร่วมการทดลองทางวิทยาศาสตร์เพื่อแลกกับเงินก้อนงามเมื่อเสร็จสิ้นการทดลองนี้ โดยพวกเขาจะต้องถูกพาไปไว้ในสถานที่ห่างไกลผู้คนแห่งหนึ่งที่ถูกสร้างเลียนแบบคุกขึ้นมา ต่อมาพวกเขาก็ถูกแบ่งเป็นสองกลุ่ม พวกแรกจะต้องรับบทเป็นผู้คุม อีกพวกจะต้องรับบทเป็นนักโทษ ซึ่งพวกเขาจะต้องเล่นตามบทของตนไปเป็นเวลาสองสัปดาห์ โดยมีกล้อง cctv หลายตัวของผู้วิจัยคอยจับตาดูพฤติกรรมอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง


น้าแกเหมาะกับบทคนบ้าอำนาจจริงๆ
วันแรกอะไรก็ยังขำๆ ชิวๆ ดีอยู่หรอก แต่ไปๆ มาๆ ก็ชักขำไม่ออกแล้วเมื่อเหล่าผู้คุม(ปลอมๆ)บางคนเกิดบ้าอำนาจขึ้นมา และเริ่มข่มเหงนักโทษ(ปลอมๆ)จนเครียดกันไปทั้งคุก(ปลอมๆ) แถมยังจะหนักข้อขึ้นทุกวันเสียด้วยสิ งานนี้เลยดูเหมือนว่าระยะเวลาสองสัปดาห์ของการทดลองครั้งนี้ช่างยาวนานเสียจริง ซึ่งก็ต้องมาลุ้นต่อไปว่าชะตากรรมของเหล่า AF เวอร์ชั่นคุกทั้งหลายจะเป็นยังไง? จะอยู่รอดจนถึงวันสุดท้ายหรือไม่? และงานนี้จะมีแหกคุกแบบใน Prison Break หรือเปล่า? โปรดติดตาม

ดูเหมือนพี่เขาจะโดนข่มเหงอีกแล้วนะงานนี้
ดูเหมือนว่าเวอร์ชั่นมะกันนี้จะเพิ่มความแรงความซกมกขึ้นมาและดัดแปลงบางอย่างจากต้นฉบับพอสมควร โดยเฉพาะการเพิ่มจำนวนตัวละครในคุก แต่กลับตัดบทบาทของเหล่านักวิทยาศาสตร์ออกไปเสีย ในขณะที่หนังก็ยาวเพียงชั่วโมงครึ่ง(ต้นฉบับยาวกว่าครึ่งชม.) เลยทำให้ไม่สามารถสร้างความกดดันได้เท่ากับต้นฉบับ ตัวละครหลายตัวก็ดูชั่วมาแต่ไกลเชียว ไม่เหมือนต้นฉบับที่แต่ละคนดูเหมือนคนบ้านๆ ทั่วไป(ที่ค่อยมาออกลายกันในคุกในเวลาต่อมา) รวมทั้งช่วงท้ายเรื่องที่จบแบบฮอลลีวู้ดจ๋าเชียว นี่ยังดีนะที่สองนักแสดงนำของหนังยังเล่นได้อย่างน่าประทับใจ ไม่งั้นคงจะจืดลงไปกว่านี้เยอะทีเดียว


ผู้คุมเขาก็เครียดเป็นเหมือนกันนะ
ทราบมาว่าตอนแรกผู้สร้างตั้งใจจะฉายโรงแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจส่งตรงลงแผ่นเลย ซึ่งก็ไม่แปลกใจเลยเพราะถึงแม้จะได้สองดาราใหญ่ระดับออสก้าร์มาร่วมแสดง แต่โดยรวมแล้วก็เป็นหนังเล็กๆ หน้าหนังขายยาก แม้แนวคิดจะดีแต่ผลลัพธ์ก็ยังธรรมดาไป โดยเฉพาะสำหรับคนที่เคยได้ดูต้นฉบับมาก่อนก็จะพบว่ายังสู้ต้นฉบับไม่ได้ (ทั้งที่ต้นฉบับก็ไม่ได้ดีเลิศอะไรมากมาย) แต่สองฉบับก็ยังคงบอกสิ่งเดียวกันที่ว่า อำนาจสามารถทำให้คนเราร้ายกาจได้ถึงขนาดไหน อืม น่าคิดๆ
  • น่าดูเพราะ: เป็นหนังรีเมคที่ดูได้ดูดี ให้ข้อคิด และดารานำก็ระดับออสก้าร์เชียวนะ
  • ไม่น่าดูเพราะ: แต่ถ้าเผอิญเปรียบเทียบกับต้นฉบับก็จะพบว่า ต้นฉบับดีกว่า และน่าเสียดายที่หนังดูจะรวบรัดไปนิดเลยบิวท์อารมณ์ความเครียดของคนดูได้ไม่ถึงจุดนัก



*ช่วงย้อนรอยหนังต้นฉบับ*
Das Experiment (2001) :

ก่อนจะเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจากหนังช่วงสุดท้ายของชีวิตฮิตเลอร์อย่าง Downfall (2004) ผกก.
Oliver Hirschbiegel ก็เป็นที่จับตามองขึ้นมาจากหนังเรื่องนี้แล โดยหนังสร้างขึ้นมาจากหนังสือ Black Box ของ Mario Giordano ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากการทดลองจริงเมื่อปี 1971 ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด อเมริกา อีกทีหนึ่ง


ดูเหมือนพี่เขาจะเครียดน่าดูนะเนี่ย
แม้หนังยังมีอะไรเล็กๆ น้อยๆ ที่ดูจงใจไปนิดแต่ ผกก.Hirschbiegel ก็สามารถแสดงฝีมือให้ประจักษ์ด้วยการเล่าเรื่องที่ค่อยๆ สร้างความกดดันให้แก่คนดูทีละน้อยๆ ไปจนถึงจุดแตกหักช่วงท้ายเรื่องได้ในที่สุด จนหนังเป็นที่ฮือฮาจากบรรดาคอหนังมาจนทุกวันนี้


โฉมหน้าบรรดาผู้คุมจำเป็นทั้งหลาย
แต่เสียดายที่การโกฮอลลีวู้ดของเขาด้วยหนังต่างดาวที่นำแสดงโดย Nicole Kidman อย่าง The Invasion (2007) จะแป้กเพราะถูกสตูดิโอยุ่มย่ามเอาไปตัดต่อใหม่โดยให้เหตุผลว่าหนังฉบับเขา"ไม่มันส์พอ" จนเล่นเอาเขาเข็ดขยาดฮอลลีวู้ดและถอยไปทำหนังเล็กๆ ที่อังกฤษอย่าง Five Minutes of Heaven (2009) ในเวลาต่อมา ซึ่งก็หวังว่าอนาคตเขาจะยังทำหนังดีๆ มาให้คอหนังได้ดูกันอีกเน้อ เอาใจช่วยๆ




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น