วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Mr. Nobody (2009): หนุ่มหน้ามน คนหลายชะตา


Mr. Nobody (2009) :
แม้ว่าพ่อหนุ่ม Jared Leto (American Psycho [2000]) จะนับว่าเป็นนักแสดงหนุ่มหน้าตาดีหนึ่งประเภทหนึ่ง ชนิดที่ว่าถ้าเลือกที่จะรับเล่นหนังโรแมนติคหรือหนังขายๆ บ่อยๆ ก็คงจะกลายเป็นขวัญใจสาวๆ ได้ไม่ยากเลย แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่นำพากับเรื่องนั้นเลย เพราะดูหนังที่เขารับเล่นแต่ละเรื่องแล้วก็ล้วนแต่เป็นหนังคุณภาพที่ไม่ค่อยแคร์ตลาดสักเท่าไหร่ หลายครั้งเราจึงเห็นเขามาในบทบาทที่ท้าทายฝีมือ ให้เขาได้มาในสภาพที่ไม่ห่วงหล่อแทบจะทั้งนั้นเลยเชียว (ผิดด้วยหรือที่โต้จะเป็นตัวของโต้เอง?)


หนังแนวๆ สำหรับคอหนังแนวๆ
ในผลงานล่าสุดของเขานี้ก็เช่นเดียวกัน ที่คราวนี้หันไปร่วมงานกับ ผกก.ชาวเบลเยี่ยม Jaco Van Dormael ที่เคยทำให้หนังอย่าง The Eighth Day (1996) ได้ไปอาละวาดที่เทศกาลหนังเมืองคานส์มาแล้ว โดยหนังเรื่องนี้เป็นการร่วมทุนจากหลายชาติอย่าง แคนาดา, เบลเยี่ยม, ฝรั่งเศส, เยอรมัน(ถือว่าเป็นหนังเบลเยี่ยมที่ใช้ทุนสูงที่สุดคือ 37 ล้านยูโร) ซึ่งผกก. Van Dormael ที่อยากสร้างหนังเรื่องนี้ตั้งแต่ปี 2001 ควบตำแหน่งทั้งเขียนบท-กำกับเอง(เริ่มถ่ายทำปี 2007) และนับว่านี่คือหนังที่ใช้ภาษาอังกฤษเรื่องแรกของเขาอีกด้วย


พี่ Leto ยังหล่อ เท่ ไว้ใจได้เช่นเดิ
ส่วนเนื้อเรื่องนั้นก็เล่ายากจริงๆ เพราะหนังมีความเป็น ไซไฟ ดราม่า โรแมนติค แฟนตาซี ตลกร้าย ที่แฝงแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ ปรัชญา ศาสนา ไอเดียล้ำๆ เข้ามาตรึม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหนังจะอาร์ตตัวพ่อเนื้อหาหนักอึ้งชนิดที่ต้องแบกบันไดมาปีนดูด้วยหรอกนะ เพราะหนังจะออกแนวๆ เก๋ๆ จี๊ดๆ ซึ้งๆ (และยังขำได้อีก)ซะมากกว่า จึงดูเข้าใจได้ไม่ยากเท่าไหร่ พอมาเจองานด้านภาพที่สุดแสนจะบรรเจิดและเปี่ยมไปด้วยวิสัยทัศน์ และดนตรีประกอบแสนเพราะเข้าไปอีก จึงนับว่านี่เป็นหนังที่ทั้งโดนใจ น่าตื่นตาและท้าทายสติปัญญาเอามากๆ เรื่องหนึ่งเลยทีเดียว


นักแสดงคุ้นหน้ามากันเพียบเลยเรื่องนี้
และด้วยความที่หนังมีเส้นเรื่องที่หลากหลายมากๆ ฉายสลับกันไปมา เลยอาจพาให้สับสน งงตึ๊บเอาได้ง่ายๆ ดังนั้นโปรดอย่าได้แปลกใจถ้าจะดูไปงงไปและดูจบแล้วก็ยังอาจงงอยู่อีก แต่ถ้ามีสมาธิมากพอก็ไม่ยากที่จะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดยามที่หนังปิดฉากลง ถึงกระนั้นก็ยังมีอะไรให้ได้เก็บไปขบคิดและท้าทายให้หยิบเอามาดูอีกครั้งแล้วครั้งเล่าได้อยู่ดี ถ้าจะให้คำจำกัดความสั้นๆ ถึงหนังเรื่องนี้ก็คงจะบอกได้คำเดียวว่า 'ว้าว!' เพราะเป็นหนังที่เปี่ยมด้วยวิสัยทัศน์ ดูเอาจี๊ดก็ยังได้ เหมาะสำหรับคอหนังที่ชอบหนังที่ท้าทายสติปัญญา และท้ายที่สุดคือพ่อหนุ่ม Leto ที่หล่อ เท่ โดนใจสาวแท้สาวเทียมมากฮ้าาา (หนุ่มแท้เยี่ยงเราก็ยังแอบเก็บอาการได้ปลื้มพี่เขาไว้ไม่อยู่เหมือนกัน อิอิ)

งานด้านภาพโดดเด่นโดนใจซะจริงๆ
  • น่าดูเพราะ: เป็นหนังที่เปี่ยมด้วยวิสัยทัศน์ ดูเอาจี๊ดก็ได้ ดูเอาไปคิดก็ดี (คุณศลห้ามพลาดเชียวเน้อ)แจ่มมากๆ เลยจ้า
  • ไม่น่าดูเพราะ: หนังค่อนข้างแนว เส้นเรื่องของหนังเยอะมาก จึงอาจชวนงง สับสน หากไม่ได้ให้ความใส่ใจในหนังมากพอล่ะ งานนี้มีเอ๋อ

ภาพตัวอย่างความแนวของหนัง




*ช่วงเพลงในหนัง*

พ่อหนุ่ม Leto กับวง 30 Seconds to Mars ของเขา
จริงๆ แล้วในหนังเรื่องนี้ไม่ได้มีเพลงของ 30 Seconds to Mars ของพ่อหนุ่ม Leto รวมอยู่ด้วยหรอก เพราะหนังใช้แต่เพลงเก่าๆ ที่แสนคุ้นหูทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเพลง Mister Sandman ของ The Chordettes และ Everyday ของ Buddy Holly ที่ถูกใช้อยู่หลายครั้งในหนัง แต่ไหนๆ พี่ Leto เขาก็มีวงของเขาด้วยอยู่แล้วก็เลยขอเหมารวมเพลงของเขามาฝากด้วยซะเลย แถม MV เท่ๆ ให้ดูด้วยเลยเอ้า (เชียร์กันน่าดูนะเนี่ย)


และ

MP3: 30 Seconds to Mars - A Beautiful Lie


และ MV เท่ๆ ของพวกเขา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น