วันพุธที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Kamogawa Horumo: Battle League in Kyoto (2009): ประลองพลิ้ว ชมรมเพี้ยน

Kamogawa Horumo: Battle League in Kyoto (2009):
เห็นหน้าหนังของหนู ชิเอกิ คุริยาม่า (Kill Bill: Vol. 1 [2003])เรื่องนี้แล้วชวนให้คิดว่าคงจะตลกอึแตกอึแตนบ้าบอคอแตกกันเต็มที่แน่นอนเชียว แต่พอได้ดูแล้วก็ออกแนวขำๆ น่ารักๆ ตลกแบบเจียมเนื้อเจียมตัวซะมากกว่า ที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือนี่เป็นหนังตลกญี่ปุ่นที่ใช้ซีจีเยอะมากๆ เรื่องหนึ่งเลยทีเดียวเลยมั้ง(นะ)


เห็นสภาพแต่ละคนแล้วงานนี้คงไม่มีซีเรียสแน่นอน
ส่วนเรื่องราวก็เกี่ยวกับหนุ่มสาวในรั้วมหาวิทยาลัยเกียวโต เมื่อนาย อากิระ อาเบะ (ทาคายูกิ ยามาดะ จาก Ikigami [2008]) น้องใหม่ใจซื่อเกิดไปปิ๊งสาวดั้งสวยเข้า จนตัดสินใจสมัครเข้าเป็นสมาชิกชมรมสุดพิลึกอย่างชมรม "มังกรฟ้า" ตามสาวเจ้าเพราะอยากอยู่ใกล้ชิด (ประธานชมรมดันหน้าเหมือน เฮียสรยุทธ เรื่องเล่าเช้านี้ เวอร์ชั่นหัวเกรียนอย่างกับแกะอีกด้วย) โดยหารู้ไม่ว่าชมรมอันเก่าแก่นี้เขาสอนวิชาบังคับ 'โอนิ' ปีศาจตัวจิ๋วที่มากันเป็นกองทัพ เพื่อให้เข้าประลองกันในเกมการแข่งขันลึกลับที่มีมากว่าพันปีแล้ว (ป๊าด)


หนังมีการใช้ซีจีเยอะไม่ใช่เล่นเลยล่ะ
หนังเริ่มต้นมาแบบหนังรักวัยรุ่นในรั้วมหาวิทยาลัยทั่วๆ ไป ที่ชวนขำจากการฝึกออกท่าทางแสนพิลึกของสมาชิกชมรม จนเกือบจะชั่วโมงนั่นแหล่ะถึงได้กลายสภาพเป็นหนังแฟนตาซี บังคับปิศาจจิ๋วให้สู้กันสไตล์การ์ตูนโปเกม่อนไปในที่สุด ซึ่งจะว่าไปแล้วจุดขายในส่วนนี้ของหนังกลับดูงั้นๆ ไปซะได้ เพราะไม่ได้ทำออกมาดูสนุกอะไรนักหนา อันที่จริงเสน่ห์ของหนังก็ล้วนมาจากเหล่าคาแร็คเตอร์นำและสมทบทั้งหลายซะมากกว่านะ


คู่พระนางของเรื่อง
ถึงหนังจะดูเหมือนไร้สาระ เล่นๆ เพ้อฝัน สนุกน้อย แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ถือว่ายังสอบผ่าน ด้วยการสามารถนำเสนอ ชีวิตวัยรุ่นญี่ปุ่นในรั้วมหาวิทยาลัย วิวอันงดงามของเกียวโต ประเพณีท้องถิ่น ขนบธรรมเนียมประเพณีอันเก่าแก่ของคนญี่ปุ่นเขาได้เป็นอย่างดี รวมทั้งยังมีความน่ารักมีเสน่ห์ของตัวละครนำ และอารมณ์ขันแบบกำลังดีไม่บ้าบอคอแตกเหมือนหนังตลกญี่ปุ่นหลายๆ เรื่อง อ่อ พระเอกเราเนี่ยโรคจิตใช้ได้เลยนะเนี่ย คนอะไรหลงใหลได้ปลื้มดั้งจมูกสาวซะปานนี้ (แหม่ ทำ ไป ได้ อิอิ)

'เกียวโต โร้ด' นะไม่ใช่ 'แอ้บบี้ โร้ด' เหอๆ

  • น่าดูเพราะ: เป็นหนังตลกแฟนตาซีที่ขำกำลังพอเหมาะ นักแสดงมีเสน่ห์ และเหมาะสำหรับผู้ที่สนใจความเป็นอยู่ในแบบญี่ปุ่น
  • ไม่น่าดูเพราะ: ในส่วนของเรื่องราวแฟนตาซีกลับทำออกมาไม่ค่อยสนุกซะงั้น ซึ่งนั่นคือจุดขายของหนังเลยนะนั่น


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น