วันศุกร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2553

Shutter Island (2010): เกาะคลั่งคนหลอน


Shutter Island (2010) :
ผลงานล่าสุดของ ผกก.Martin Scorsese (The Departed [2006]) ที่สร้างจากนิยายขายดีชื่อเดียวกันของ Dennis Lehane เมื่อปี 2003 เรื่องนี้ นับเป็นการร่วมงานกันครั้งที่ 4 กับคุณพี่ Leonardo DiCaprio แล้ว ซึ่งแบบนี้ก็พอจะเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่าพี่ DiCaprio ก็คือดาราคู่ขาเอ๊ยคู่บุญคนใหม่ของป๋า Scorsese นั่นเอง แถมการเข้าคู่กันระหว่างสองหน่อนี้ก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จได้ทั้งเงินทั้งกล่องซะด้วยสิ(หนังเรื่องนี้ครองสถิติหนังของป๋า Scorsese ที่เปิดตัวแรงที่สุด คือสามารถทำเงินได้ถึง 40 ล้านเหรียญในช่วงสุดสัปดาห์แรกที่ออกฉายในอเมริกา) แบบนี้เราคงจะได้เห็นทั้งคู่ร่วมงานกันไปอีกนานล่ะครับพี่น้อง


พี่ลีโอกลับมาพบแฟนๆ อีกแล้วจ้า
หนังพาย้อนไปในปี 1954 เมื่อจนท.U.S. Marshal นาม Teddy Daniels (DiCaprio) และคู่หูคนใหม่ที่ชื่อ Chuck Aule (Mark Ruffalo จาก Zodiac [2007]) ได้ขึ้นเรือไปยังเกาะ Shutter Island อันเป็นที่ตั้งของ ร.พ.Ashecliff ซึ่งเป็นสถานที่รักษาเหล่าอาชญากรโรคจิตทั้งหลายแหล่ ทั้งคู่ต้องมาสืบสวนการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของหนึ่งในคนไข้ที่ชื่อ Rachel Solando ซึ่งยิ่งสืบไปสืบมาพระเอกของเราก็ยิ่งสติแตกมากขึ้นทุกที เพราะไหนจะต้องเจออุปสรรคจากพายุที่กำลังเคลื่อนผ่านเกาะ ไหนจะการได้เห็นภาพหลอนของภรรยาที่ตายไปแล้วถี่ขึ้นทุกที และที่สำคัญคือสิ่งที่เขาสืบพบนั้น จะทำให้ทั้งเขาและท่านผู้ชมต้องอึ้งทึ่งเหวอไปตามๆ กันเลยทีเดียว


หนังเต็มไปด้วยบรรยากาศหลอนๆ ซะเกือบทั้งเรื่อง
ผกก.Scorsese ยังคงเชื่อมือได้เช่นเดิม ในการที่สามารถทำให้หนังสืบสวนระทึกขวัญเรื่องนี้ อบอวลไปด้วยบรรยากาศหลอนและไม่น่าไว้วางใจตลอดทั้งเรื่อง คนที่ไม่เคยอ่านนิยายมาก่อนจะต้องเดาไม่ถูกแน่ว่าหนังจะจบลงยังไง (และก็จบได้อย่างเหวอกันไปข้างซะด้วยสิ) ในขณะที่งานด้านภาพและการนำเสนอก็มีนัยแบบที่มีอะไรให้คิดตามและได้ตีความหมายกันสนุกแน่(ดูรอบที่สองที่สามก็ยังสนุกได้อยู่) แน่นอนทีเดียวที่พี่ Leonardo DiCaprio ที่เป็นจุดศูนย์กลางของหนัง ก็สามารถแบกรับหนังทั้งเรื่องไว้ได้เป็นอย่างดี แบบที่ไม่แบ่งความดีความชอบให้กับนักแสดงคนอื่นๆ เลย(แต่คนอื่นๆ ก็ทำหน้าที่ของตนได้ดีด้วยเช่นกัน) ทว่าการที่หนังเน้นการสืบสวน เต็มไปด้วยฉากหลอนๆ เหนือจริง ขาดแคลนฉากบู๊ และอุดมไปด้วยบทสนทนาเช่นนี้ ถ้าไม่ได้ตั้งใจตามเรื่องให้ตลอดก็อาจจะรู้สึกว่างงและเบื่อเอาได้ อ่อ อีกอย่างที่น่าสนใจคือหนังเรื่องนี้ไม่มีการแต่งสกอร์ขี้นมา แต่ใช้วิธียืมเพลงโน้นเพลงนี้ของเหล่าศิลปินต่างยุคสมัยมาใช้ประกอบได้อย่างลงตัวสุดๆ เจ๋งไปเลยจ้า

พี่แกเด่นซะจนตัวประกอบได้แต่แอบมองด้วยความอิจฉา
  • น่าดูเพราะ: การร่วมงานกันอีกครั้งของสองหน่อยังคงมีผลลัพธ์ออกมาเจ๋งเช่นเดิม แฟนๆ ที่ชอบหนังสืบสวนสอบสวนระดับคุณภาพ ที่ท้าทายสติปัญญา ไม่ควรพลาดจ้า
  • ไม่น่าดูเพราะ: เต็มไปด้วยบทสนทนา ขาดแอ็คชั่น บางคนดูแล้วอาจเซ็งจิต



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น