วันเสาร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2553

The Secret in Their Eyes (2009): ความทรงจำรักไม่มีวันลืม


The Secret in Their Eyes (2009) :
นี่คือหนังอาร์เจนติน่าที่ติดโผหนึ่งในห้าเรื่องที่ได้เข้าชิงออสก้าร์สาขาหนังต่างประเทศยอดเยี่ยมปีนี้ ซึ่งตัวหนังนั้นก็ครองตำแหน่งหนังทำเงินสูงสุดของปีในอาร์เจนติน่าซะด้วย โดยรั้งอันดับหนึ่งอยู่นานกว่าสามเดือนก่อนจะโดนสารคดีคอนเสิร์ต Michael Jackson's This Is It ของป้าแจ็คโก้สอยร่วงไปในที่สุด ได้ทั้งเงินทั้งกล่องแบบนี้ก็ไม่เสียแรงที่ ผกก. Juan José Campanella เขาอุตส่าห์ไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการกำกับหนังทีวีในอเมริกาอยู่นานนับสิบปี(อันที่จริงก็ไปๆ มาๆ กับบ้านเกิดแหล่ะนะ อิอิ)


คู่พระนางของเรื่อง
หนังพาย้อนไปในปี 1974 เมื่อ Benjamín Espósito (Ricardo Darín) เจ้าหน้าที่รัฐต้องเข้าไปสืบสวนคดีฆ่าข่มขืนสุดทารุณคดีหนึ่ง และในขณะเดียวกัน Irene Menéndez-Hastings (Soledad Villamil) นักกฎหมายสาวไฟแรงก็เพิ่งจะเข้ามารับช่วงเป็นหัวหน้าหน่วยงานของเขาพอดี แล้วดูเหมือนทั้งคู่ก็น่าจะมีใจต่อกันอยู่ แต่เขาก็พยายามหยุดเรื่องนี้ไว้แค่ในฐานะเจ้านาย-ลูกน้องอยู่เสมอ ด้วยสำนึกว่าตนคงเหมือนน้องหมาวัดที่กำลังเห่าเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันซะมากกว่า เพราะทั้งคู่ต่างกันทั้งด้าน วัย ฐานะ การศึกษา ส่วนตัวคนร้ายนั้นเล่าก็ยังคงเดินลอยนวลอยู่ได้โดยที่พวกเขาทำอะไรไม่ได้ หนำซ้ำยังเป็นเหตุให้ทั้งคู่ต้องพลัดพรากจากกันกว่า 25 ปีเลยทีเดียว


ขึ้นลิฟต์อยู่ดีๆ ก็มีคนชักปืนขึ้นมาโชว์แบบนี้เป็นใครก็ต้องหนาวล่ะ
ในปี 1999 แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนาน แต่ Benjamín ก็ไม่เคยลืม Irene และคดีๆ นั้นได้เลย เขาได้กลับมาพบเธออีกครั้งพร้อมได้นำเอาต้นฉบับนิยายที่เขาได้เขียนขึ้นโดยอิงเนื้อเรื่องจากคดีฆ่าข่มขืนนั้นมาให้เธออ่าน ซึ่งการกลับมาพบกันครั้งนี้อาจเป็นเหตุให้ถ่านไฟเก่าคุขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นได้ รวมทั้งยังทำให้เขาตัดสินใจสะสางเรื่องคดีที่ยังค้างคาใจมานานกว่า 25 ปีอีกด้วย ส่วนเรื่องราวจะลงเอยยังไงก็โปรดติดตามกันตามอัธยาศัยเลยจ้า


พระเอกเราช่างจัดพื้นที่ใช้สอยบนโต๊ะทำงานได้คุ้มจริงๆ
หนังดราม่าสืบสวนเรื่องนี้ทำออกมาได้ละเมียดดีจัง เพราะจริงๆ แล้วนี่เป็นหนังรักต่างหาก แต่ก็เป็นรักแบบผู้ใหญ่ๆ ที่ไม่ได้หวือหวา ซู่ซ่านะ ส่วนใหญ่พระนางของเราก็ได้แต่สื่อความรู้สึกต่อกันทางสายตา(ตามชื่อเรื่อง) แต่บทจะจี๊ดก็ยังจี๊ดได้เรื่องอยู่ ทางด้านเรื่องการสืบสวนก็ไปแบบเรื่อยๆ ไม่ตื่นเต้นตูมตาม แต่ก็ไม่หย่อนความน่าติดตามเช่นกัน เท่านั้นยังไม่พอ คุณ ผกก.ยังขอโชว์ความเทพ โดยการถ่ายทำฉากไล่ล่าในสนามฟุตบอลแบบลองเทคยาว 6 นาที โดยทราบมาว่ากว่าจะออกมาอย่างที่เห็น ผู้สร้างต้องวางแผนสำหรับฉากนี้ฉากเดียวกว่า 2 ปี โดยถ่ายทำเพียงแค่ 3 วัน ซึ่งผลที่ออกมาก็ต้องบอกว่ายอดเยี่ยมจริงๆ (นับถือๆ) และที่ลืมไม่ได้คือดนตรีประกอบโดยฝีมือของ Federico Jusid และ Emilio Kauderer ที่เพราะพริ้งเสริมสร้างอารมณ์ให้กับหนังได้มากๆ จะว่าไปแล้ว ไปๆ มาๆ เผลอๆ หนังเรื่องนี้อาจจะเป็นตาอยู่คว้ารางวัลออสก้าร์มาครองก็เป็นได้ ใครจะไปรู้เนอะ(นอกจากพระเจ้า) วันจันทร์นี้ได้รู้กันจ้า

ปล.อัพเดตล่าสุด ในที่สุดหนังก็เป็นตาอยู่คว้าออสก้าร์หนังต่างประเทศยอดเยี่ยมปีนี้ไปครองได้จริงๆ ยินดีด้วยจ้า ^^
  • น่าดูเพราะ: เป็นหนังดราม่าสืบสวนซึ่งอันที่จริงเป็นหนังรักที่น่าประทับใจ และโดดเด่นมากพอที่ดูแล้วจะลืมไม่ลงไปอีก 25 ปีเลยเชียว(คอนเซปต์เดียวกับหนังไง อิอิ)
  • ไม่น่าดูเพราะ: เรื่องราวความรักของผู้ใหญ่(แก่) และหนังที่ไปเรื่อยๆ แบบหนังทีวีเช่นนี้ คงไม่ดึงดูดใจให้ดูสักเท่าไหร่หรอกมั้ง



1 ความคิดเห็น: