วันเสาร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Hara-Kiri: Death of a Samurai (2011): ซามูไรดาบรันทด



Hara-Kiri: Death of a Samurai (2011) :

คราวที่แล้วหนังซามูไรรีเมคเรื่อง 13 Assassins (2010) ของ ผกก.ทาคาชิ มิอิเกะ ไปได้สวยซะ ว่าแล้วแกก็ขอกลับมาพร้อมหนังซามูไรรีเมคอีกสักครั้งโดยเป็นการนำหนังคลาสสิกเมื่อปี ค.ศ.1962 เรื่อง Harakiri มาคิดใหม่ทำใหม่ตามฉบับของแก แถมยังเก๋สะบัดทำหนังเป็นแบบ 3D เสียด้วยนะ นี่จึงนับเป็นหนัง 3D เรื่องแรกที่ได้เข้าชิงในสายประกวดของเทศกาลหนังเมืองคานส์ (ปีที่แล้ว) เลยเชียว


หนังซามูไรเด็ดๆ มาอีกแล้วจ้า
ในช่วงปี ค.ศ.1600 (สมัยเอโดะ) ญี่ปุ่นอยู่ในสภาวะไร้สงคราม บ้านเมืองสงบสุข ขุนนางเลิกสะสมกำลังพล ส่งผลให้ซามูไรหลายคนตกยากกลายเป็น 'โรนิน' (ซามูไรไร้นาย) จนถึงกับมีหลายคนเที่ยวไปขอทำพิธีคว้านท้องตนเอง (เซ็ปปุกุ) ต่อหน้าขุนนางเพราะทนอยู่อย่างอัปยศอดสูไม่ไหวเยี่ยงวิถีบูชิโด แต่ทางขุนนางเห็นดังนั้นก็เกิดสงสารเห็นใจ และโน้มน้ามไม่ให้คว้านท้องแถมให้เงินหรือไม่ก็รับเข้าสังกัดแทน โรนินหลายคนจึงสบช่องทำเป็นแกล้งไปขอคว้านท้องตนเพื่อหวังจะได้เจอแจ็คพ็อตบ้าง


พระเอกจาก 13 Assassins ก็มากับเขาด้วย
หนังเล่าเรื่องของ ฮันชิโร่ ซึกุโมะ โรนินหนุ่มใหญ่มาดเข้ม ที่เดินดุ่มเข้าไปในตระกูล ไอยิ เพื่อขอประกอบพิธีคว้านท้องตนเอง ซึ่งนายใหญ่แห่งตระกูลได้ให้ความสนใจซักถามว่าเอาจริงดิ เป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ตกลงจัดพิธีให้ตามคำขอ แต่ทว่าขณะประกอบพิธี ฮันชิโร่ ก็ได้เริ่มเผยความจริงอันน่าตกใจบางอย่างให้ทุกคนในพิธีต้องตกหงายเงิบ และเริ่มรู้สึกว่างานนี้ไอ้หมอนี่อาจจะไม่ได้ตั้งใจมาคว้านท้องตนเองจริงๆ อย่างที่คิดซะแล้วสิ


ซามูไรญี่ปุ่นชักดาบเก่งกันเกือบทุกคน
อ่า... แฟนๆ ของ ผกก.มิอิเกะ คงจะรู้ดีว่าถึงแกจะฟิตจัดทำหนังออกมาติดๆ กันหลากหลายแนว แต่ก็ไม่เคยด้อยคุณภาพ สุกเอาเผาหม่ำ รวมทั้งเรื่องนี้ที่ถือว่ารีเมคออกมาได้ไม่เสียของ หนังมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ไม่ได้เหมือนเวอร์ชั่นต้นฉบับแบบเป๊ะๆ ทั้งนี้ก็เพื่อขับเน้นให้เห็นถึงความไร้สาระของเรื่องเกียรติและศักดิ์ศรีความภาคภูมิใจแห่งซามูไรอย่างเด่นชัดยิ่งขึ้น ส่วนด้านเสื้อผ้าหน้าผมฉากเฉิกก็ออกมาดูดีมีชาติซามูไรไว้ใจได้อยู่แล้ว แถมดนตรีประกอบยังได้ศิลปินดังอย่าง ริวอิชิ ซากาโมโต้ มาดูแลให้ซะด้วยนะเธอว์


ดูหน้าก็รู้ว่าเรื่องนี้ซีเครียด
แต่ถ้าคาดว่าจะมีฉากฟันเละเลือดสาดตับไหลแบบใน 13 Assassins ล่ะก็คงจะมาผิดงานแล้ว เพราะหนังเน้นที่บทสนทนา ฉากดราม่าชีช้ำ เดินเรื่องเนิบๆ สไตล์หนังญี่ปุ่น แม้แต่ตอนสู้กันก็ยังไม่มีอะไรโหดๆ ให้เห็น (แต่ฉากคว้านท้องยังเสียวได้อยู่) เรียกว่าหนังเรื่องนี้ออกแนวเจี๋ยมเจี้ยมสงบเสงี่ยมเจียมตัว ไม่โชว์ซาดิสม์เหมือนเรื่องก่อนๆ ของ ผกก.แก จนนี่ถ้าไม่บอกว่าแกกำกับก็คงจะนึกว่าหนังของคนอื่นได้ง่ายๆ (หรือว่านี่จะหมดยุคซาดิสม์ของแกแล้วก็ไม่รู้) ยังไงก็ตามถ้าเรื่อง 13 Assassins มุ่งตั้งข้อสังเกตถึงความจงรักภักดีแบบไม่ลืมหูลืมตาของซามูไร หนังเรื่องนี้ก็สามารถตั้งข้อสังเกตเรื่องความไร้สาระของศักดิ์ศรีซามูไรได้ดีไม่แพ้กันครั่บท่าน
  • + งานสร้างดูดีมีชาติซามูไร มีแง่คิด รีเมคดีไม่เสียของ ไม่เสียฟอร์ม ผกก.อีกต่างหาก
  • - เต็มไปด้วยบทสนทนา ฉากบู๊ไม่สะใจ ไม่เหมาะจะดูเอามันส์ หลายคนอาจเบื่อเอาได้ง่ายๆ หนังเรียบร้อยผิดกลิ่นผลงานที่ผ่านมาของ ผกก.มิอิเกะ จริงๆ





*ช่วงย้อนรอยหนังต้นฉบับ*

Harakiri (1962) :
ส่วนใหญ่หนังซามูไรจะเน้นเอาเท่เอามันส์ แต่การที่หนังหันไปพูดถึงเรื่องความไร้สาระของศักดิ์ศรีซามูไรได้อย่างคมคาย เล่าเรื่องได้อย่างมีชั้นเชิง ทำให้หนังขึ้นหิ้งคลาสสิก เป็นที่ยกย่องตลอดมา แม้เวลาจะผ่านมากว่า 50 ปีแล้วก็ตามที แต่บางคนอาจเห็นว่าหนังเต็มไปด้วยบทสนทนาชวนง่วงสำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับสไตล์หนังญี่ปุ่นไปบ้าง และแน่นอนว่าต้นฉบับย่อมจะได้รับเครดิตดีกว่าหนังรีเมคอยู่แล้ว ซึ่งสิ่งที่แตกต่างกันชัดที่สุดคือหนังต้นฉบับเล่าเรื่องได้ละเอียดกว่า บู๊กว่านั่นเอง





*รีวิวหนังของ ผกก.Takashi Miike เรื่องอื่นๆ ภายในบล็อก*


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น