วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2553

Bowling for Columbine (2002): ก็ปืนเขามีไว้ให้ยิงกันนี่นา



Bowling for Columbine (2002) :
หนังสารคดีเรื่องนี้นับเป็นผลงานที่ประสบความสำเร็จในวงกว้างเป็นเรื่องแรกของน้าตุ้ย Michael Moore เพราะกวาดทั้งเงินทั้งกล่องมาเพียบ จนทำให้แกกลายเป็นคนทำหนังสารคดีที่ดังที่สุดคนหนึ่งแห่งยุค ก่อนที่จะประสบความสำเร็จเถิดเทิงขึ้นไปอีกกับ Fahrenheit 9/11 (2004) ที่ทำเงินไปได้กว่าสองร้อยล้านเหรียญและรั้งตำแหน่งหนังสารคดีที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาลมาจนถึงทุกวันนี้


น้าตุ้ยขอแบกปืนไปถ่ายสารคดีด้วย
สำหรับเรื่องนี้ของน้าตุ้ยมีจุดเริ่มต้นมาจากเหตุการณ์ 'การสังหารหมู่ที่โรงเรียนโคลัมไบน์' ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 เม.ย. 1999 ณ เมืองโคลัมไบน์ รัฐโคโลราโด อเมริกา ที่อยู่ๆ นักเรียน ม.ปลายสองคนคือนาย Eric Harris และนาย Dylan Klebold ก็พกปืนมายิงกราดใส่เพื่อนนักเรียนในโรงเรียน ส่งผลให้มีคนตายไป 13 คน(นักเรียน 12 ครู 1)บาดเจ็บอีกกว่า 20 คน(บางคนรอดแต่พิการ) ก่อนที่พวกเขาจะฆ่าตัวตายตามไปในที่สุด ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นก็ทำให้คนมะกันเขาช็อคกันทั้งประเทศและพากันตื่นตูมหาแพะกันให้วุ่นอยู่พักหนึ่งเลยทีเดียว(เหมือนบ้านเราเลย เหอๆ)


เปิดบัญชีกับธนาคารนี้แล้วมีแถมปืนให้ลูกค้าด้วย
บ้างก็โทษว่าสาเหตุมาจากการที่ในอเมริกานั้นปืนซื้อง่ายขายคล่องจนเกินไป(ถึงขนาดที่ว่าบางธนาคารมีโปรโมชั่นแจกปืนฟรีแก่ลูกค้าใหม่ที่เพิ่งเปิดบัญชีเลยก็มี)บ้างก็ว่าเพราะคนมะกันถูกปลูกฝังความรุนแรงโดยหนังฮอลลีวู้ดและเกมที่ชอบขายความรุนแรง บางคนก็โทษไปที่เพลงร็อคโน่น(นาย Marilyn Manson ก็เลยโดนหางเลขไปเต็มๆ) ต่างๆ นาๆ ซึ่งทางน้าตุ้ยเราก็เลยขอพาท่านผู้ชมไปค้นหาสาเหตุว่าเกิดอะไรขึ้นกับสังคมอเมริกันแน่ และอะไรเป็นต้นตอของความรุนแรงในสังคม จนได้ข้อสรุปที่ออกมาเป็นแนวทฤษฏีสมคบคิดตามฟอร์มของน้าเขาอีกแล้วครับทั่น


ร้านตัดผมก็มีกระสุนปืนขายด้วย
ไม่แปลกใจเลยที่ตัวสารคดีประสบความสำเร็จเยี่ยงนี้เพราะน้าตุ้ยเขาทำออกมาได้ดูเพลินมิใช่น้อย ด้วยสไตล์การนำเสนอที่ต้องมีน้าแกโผล่หน้ากล้องเกือบตลอดเวลา(รวมทั้งการเสนอภาพตอนแกสมัยยังเล็กอีกตามระเบียบ) บวกด้วยลีลาการประชดประชันกัดเจ็บๆ คันๆ แบบตลกร้ายอันเป็นเอกลักษณ์ของแก เมื่อผสมผสานเข้ากับการเล่าเรื่อง การตัดต่อ การเข้าใจใช้ทั้งดนตรีประกอบ การ์ตูน ภาพคลิปจากข่าวและหนังต่างๆ มาช่วยเพิ่มสีสันด้วย ก็เลยเป็นสารคดีที่ดูสนุกไม่มีน่าเบื่อสักนิด

ที่ เค มาร์ท ก็มีลูกกระสุนปืนขายด้วย
แต่ถึงกระนั้นผลงานของแกก็ยังประสบปัญหาเดิมๆ คือไม่พ้นจากการถูกครหาว่าคิดสรุปเข้าข้างตนเองและชี้นำคนดูจนเกินไป หรือที่เรียกว่าไม่เป็นกลางนั่นแหล่ะ อีกทั้งข้อมูลต่างๆ ที่หลายคนติงมาว่าคลาดเคลื่อนจากความจริง รวมถึงการที่ชอบทำอะไรดุ่ยๆ ตามใจฉันของน้าตุ้ยที่ใช่ว่าจะดีเสมอไป โดยเฉพาะการเข้าไปถอนหงอกป๋า Charlton Heston (Ben-Hur [1959]) ถึงในบ้านนั้นก็ดูออกจะเป็นการยัดเยียดข้อกล่าวหาให้เป็นผู้ร้ายโดยไม่สมเหตุสมผลนัก(เรามองว่าการเผชิญหน้ากันในฉากสุดท้ายนั้นค่อนข้างเป็นการจัดฉากของน้าเพื่อจงใจสร้างอารมณ์ทางดราม่าให้กับหนังนะ)

แม้แต่น้องหมาก็ยังพกปืนด้วยเล๊ย
โดยรวมแล้วก็ยังถือว่านี่เป็นสารคดีที่ให้ทั้งความบันเทิงและความรู้อย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งข้อมูลหลายอย่างนั้นคนนอกอย่างเราๆ ท่านๆ อาจจะไม่เคยรู้มาก่อน เช่นในร้านตัดผมและซุปเปอร์มาเก็ตของเขาในบางรัฐก็มีกระสุนปืนวางขายพร้อมสรรพ สารคดียังบอกว่าถึงในอเมริกาจะมีปืนล้นประเทศชนิดที่หาซื้อง่ายและใครๆ ก็มีกันได้ แต่ปัญหาไม่ใช่อยู่ที่ปืน ทว่าเป็นที่ตัวคนต่างหากที่เป็นต้นตอของปัญหา(ก็ปืนมันเหนี่ยวไกด้วยตัวมันเองไม่ได้นิ) ซึ่งไอ้ตรงนี้แหล่ะแก้ยากที่สุดเลยล่ะ ว่ามั้ย?


หน้าตาของสองหนุ่มผู้ก่อเหตุ
หรือว่าบางทีเราน่าจะนำแนวทางแก้ไขปัญหาของดาวตลก Chris Rock ที่เคยเดี่ยวไมโครโฟนเกี่ยวกับกรณีนี้ไว้อย่างน่าขำแต่ก็น่าคิดด้วยว่า "เราไม่ต้องควบคุมปืนหรอก แล้วรู้มั้ยว่าเราต้องทำยังไง เราต้องควบคุมกระสุนปืนต่างหาก ผมคิดว่ากระสุนน่าจะมีราคานัดละห้าพันเหรียญ รู้มั้ยว่าเพราะอะไร เพราะถ้ากระสุนราคานัดละห้าพันเหรียญ ทุกครั้งที่มีคนถูกยิง คนก็จะรู้ทันทีว่า "วุ้ย หมอนั่นต้องทำอะไรมาแน่ๆ ไม่งั้นพวกนั้นคงไม่ยัดกระสุนมูลค่าห้าหมื่นเหรียญลงในก้นมันหรอกเนอะ" และคนก็จะคิดหนักก่อนที่จะฆ่าใครสักคนถ้ากระสุนนัดละห้าพันว่า "ฮ่วย! ข้าจะเป่าหัวแกแน่ ถ้าข้ามีปัญญาซื้อกระสุน! ข้าจะหางานใหม่ ข้าจะเริ่มเก็บเงิน แล้วทีนี้เอ็งได้ตายแน่!" อืม...คิดไปได้นะพ่อคุ๊ณณ(แต่ก็เข้าท่านะ อิอิ)
  • น่าดูเพราะ: เป็นสารคดีที่ดูสนุก ไม่น่าเบื่อ ให้สาระ ใครที่คิดว่าสารคดีต้องน่าเบื่อเท่านั้น ดูแล้วจะเปลี่ยนความคิดในทันใด
  • ไม่น่าดูเพราะ: น้าเขายังคงไม่เป็นกลางและชี้นำคนดูจนเกินงาม ดังนั้นจึงต้องมีหลายคนที่หมั่นไส้น้าตุ้ยเราเป็นธรรมดา จนอาจมองข้ามข้อดีที่เหลือไปหมด



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น