วันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2554

Battle: Los Angeles (2011): วัน นย.กู้โลก

Battle: Los Angeles (2011) :

ช่วงที่ผ่านมามีหนังเอเลี่ยนบุกแอลเอ (ลอสแองเจิลลิส นะไม่ใช่ ร้อยเอ็ด) ออกมาฉายไล่ๆ กันอยู่สองเรื่อง เรื่องแรกก็คือ Skyline (2010) อันเป็นที่ลือลั่นถึงความห่วย (แต่เราชอบ) ที่สร้างออกมาฉายตัดหน้าก่อนตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว และคราวนี้ก็มาถึงคิวของเรื่องที่สองนี้ซึ่งหน้าหนังก็ดูดีมีราศีกว่ากันเยอะเชียว (ทุนสร้างก็หนากว่าเยอะ) นับเป็นอีกเรื่องของปีนี้ที่คอหนังหลายคนตั้งตารออยู่เลยล่ะ


นี่คือหนังโปรนาวิกโยธินก็ว่าได้
ใน Skyline เขาเล่าเรื่องผ่านมุมมองของชาวบ้านกันไปแล้ว ถึงคราวของ Battle ก็ขอเสนอมุมมองของเหล่าทหารนาวิกโยธิน (ที่เรียกย่อๆ ว่า นย.) ที่ต้องไปทำภารกิจบู๊แหลกลาญในวันที่แอลเอและหัวเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลก (ยกเว้นกรุงเทพ ฮา!) ถูกเอเลี่ยนพันธุ์บ้าสงครามยกพลมาถล่มเพราะมันต้องการยึดโลก ยึดทรัพยากรสำคัญซึ่งนั่นก็คือ'น้ำ'ที่มีปกคลุมโลกอยู่กว่า 70% นั่นเอง ซึ่งงานนี้ก็ต้องลุ้นกันล่ะว่าพี่หารของเราเขาจะกอบกู้โลกไว้ได้ยังไง จะทำให้คนดูชีช้ำใจเหมือนในคราว Skyline หรือไม่ โปรดติดตามๆ

เจ๊ Michelle Rodriguez มากับบทบาทสาวห้าว(อีกแล้ว)
ผกก. Jonathan Liebesman (The Texas Chainsaw Massacre: The Beginning [2006]) ขอหันมาทำหนังสงครามไซไฟแบกกล้องถ่ายฉวัดเฉวียนชวนเวียนหัวบ้าง และยังยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบานว่าหนังได้รับอิทธิพลมาจากหนังสงครามดังๆอย่าง Black Hawk Down (2001), Saving Private Ryan (1998) กับอีกหลายเรื่อง โดยมีทีมสร้างเอฟเฟกต์ระดับฝีมือมาเนรมิตเหล่าเอเลี่ยนและภาพเมืองแอลเอในสภาพลุกเป็นไฟได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ แถมยังได้เฮีย Aaron Eckhart (The Dark Knight [2008]) มาเล่นเป็นพระเอกเสริมโหงวเฮ้งให้กับหนังอีกด้วย


เชื่อหรือไม่ว่าเมืองเยินขนาดนี้ยังมีไฟฟ้าให้ใช้เน็ตให้เล่นได้อยู่
การที่หนังช่างชวนให้นึกถึงหนังเรื่องต่างๆ ที่เอ่ยถึงในข้างต้น รวมถึงหนังแนวเอเลี่ยนถล่มโลกเรื่องอื่นๆ ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีอะไรใหม่ๆ แหล่มๆ เกินคาด มาให้ได้เห็นนัก ในขณะที่หนังมีเวลาปูคาแร็คเตอร์ตัวละครหลักหลายคนด้วยระยะเวลาจำกัดเพียง 20 นาที ก่อนเข้าสู่ช่วงตื่นเต้นที่ลากยาวตลอดเรื่อง จึงทำให้แต่ละคนดูลึกมีมิติชวนให้ท่านผู้ชมผูกพันไม่ได้อยู่แล้ว ในขณะที่เหล่าเอเลี่ยนก็น่าจะมีกลยุทธ์ยึดโลกที่เหนือชั้นมากกว่านี้นะ (แบบนี้มันลูกทุ่งไปนิดนะ ว่ามั้ย?) และกลับกลายเป็นว่าช่วงที่ชวนลุ้นที่สุดของหนังกลับกลายเป็นช่วงก่อนการเผชิญหน้ากับเหล่าเอเลี่ยนไปซะงั้นนี่

เอฟเฟกต์ดูดีสมราคาเชียว
ถ้าจะดูแบบจับผิดคิดมากก็คงจะมีอะไรให้คาใจเยอะ อย่างเช่นการที่แอลเอถูกถล่มหนักซะปานนั้น แต่ไฟฟ้าอินเตอร์เนตกลับยังมีบริการให้พวกพระเอกไปดูข่าวหาจุดอ่อนเอเลี่ยนได้พร้อมสรรพซะงั้น ยังไงก็เอาเป็นว่าหากว่าคาดหวังจะดูแต่ฉากบู๊ เอฟเฟกต์กันอย่างเดียวล่ะก็ถูกใจใช่เลย โดยเฉพาะกับบรรดาคอเกมที่คงจะเห็นหนังเรื่องนี้เหมือนฝันเปียกที่กลายเป็นจริง นี่จึงเป็นหนังเอเลี่ยนบุกโลก โปร นย.ที่ดูเอามันส์ไม่ต้องคิดอะไรมาก เอฟเฟกต์แจ่ม ตามประสาหนังฮอลลีวู้ดพิมพ์นิยมเขาล่ะจ้า

  • + เอฟเฟกต์ดี บู๊กระหน่ำ ดูได้เพลินๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก คอหนังสงครามและคอเกมส์คงจะปลื้มกันเป็นพิเศษ นย.สู้ๆ!
  • - ไม่มีอะไรพิสดารไปกว่าหนังแนวเอเลี่ยนบุกโลกเรื่องอื่นๆ และบู๊กันอย่างเดียวไม่มีอะไรให้ซึมซับมากไปกว่านั้น




*รีวิวหนังเรื่องเอเลี่ยนบุกโลกอื่นๆ ภายในบล็อก*

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น