วันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

John Carter (2012): มหาสงครามเจ๊งสนั่นดาวอังคาร




John Carter (2012) :

จากนิยายชุดแนวไซไฟ-แฟนตาซีสุดคลาสสิคของ Edgar Rice Burroughs นักประพันธ์ชาวมะกัน ที่ออกตีพิมพ์ระหว่างปี ค.ศ.1912-1943 ซึ่งฮอลลีวู้ดเขาเล็งว่าจะเอาไปสร้างเป็นหนังตลอด 79 ปีที่ผ่านมา (ป๊าด!) แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครที่สามารถทำได้สำเร็จเสียที จนเมื่อหนังตกมาอยู่ในมือของ Walt Disney Pictures นั่นแหล่ะถึงได้ทำสำเร็จเสร็จสมอารมณ์หมายเข็นหนังออกมาฉายในที่สุด เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมานี่เอง


มาดเขายังกับ Prince of Persia ก็มิปาน
และไหนๆ ก็สร้างออกมาทั้งทีแล้ว จึงได้รับการวางโครงการให้เป็นหนังมหากาพย์ไตรภาคฟอร์มซูเปอร์ยักษ์กันเลยทีเดียว โดยในภาคแรกนี้ได้ Andrew Stanton กุนซือด้านอนิเมชั่นจาก Pixar เจ้าของผลงานอนิเมชั่นสุดแจ่มอย่าง Finding Nemo (2003) และ WALL·E (2008) มารับหน้าที่กำกับ ซึ่งนี่ก็เป็นหนังคนแสดงเรื่องแรกของเขาเสียด้วยสิ และยังได้พ่อหนุ่ม Taylor Kitsch (Battleship [2012]) ที่กำลังมาแรง ณ ชม.นี้มารับบทพระเอกผมยาวประจำเรื่องอีกด้วย


เจอหล่อล่ำอย่างนี้นางเอกก็ต้องเหล่เป็นธรรมดา
แต่อนิจาพอหนังออกฉายกลับทำเงินไม่ตูมตามอย่างที่คาดคิด คือ ณ เวลานี้หนังยังทำเงินในอเมริกาไปได้เพียง 71 ล้านเหรียญเท่านั้น (จากทุนสร้างกว่า 250 ล้านเหรียญ รวมงบโฆษณาอีก 100 ล้านเหรียญ) ทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องพากันเหวอแดกและควานหาแพะกันให้ควั่ก นี่ยังดีที่ตลาดนอกอเมริกาหนังยังไปได้ฉิวอยู่ เพราะทำเงินไปได้กว่า 200 ล้านเหรียญ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังถือว่านี่เป็นหนังยักษ์ล้มตึงของฮอลลีวู้ดเรื่องล่าสุดไปจนได้ แถมยังสร้างความร้าวฉานดราม่าระหว่าง Disney และ Pixar ขึ้นมาอีกต่างหาก

แต่งตัวออกแนวลิเกอวกาศ
จะโทษว่าหนังเจ๊งเพราะการตลาดที่ผิดพลาดหรืออะไรก็แล้วตามแต่ ถ้าจะว่ากันถึงตัวหนังโดยรวมแล้ว มันก็ถือว่าไม่ได้เลวร้ายอะไรนักนะ เพราะนอกจากหนังจะอลังการงานสร้าง เอฟเฟกต์ตระการตาแล้ว ยังเล่าเรื่องออกมาได้ค่อนข้างดูเพลินในระดับหนึ่งเลยทีเดียวล่ะ แม้ว่าหนังอาจจะดูยาวไปหน่อย เลยมีช่วงชวนน่าเบื่อบ้างเป็นระยะ และไอเดียในฉากต่างๆ ของหนังที่ชวนให้นึกถึงหนังดังๆ เรื่องโน้นเรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นหนังชุด Star Wars หรือแม้แต่กระทั่ง Avatar (2009) ก็ตามที

นางเอกเราสวยแบบแปลกๆ
เราคิดว่าความผิดพลาดใหญ่อีกข้อหนึ่งที่ทำให้หนังเจ๊งก็คือการที่ 'หนังมาช้าไปหลายปี' ไอเดียจุดขายต่างๆ จากตัวนิยายต้นฉบับ (ที่เล่มแรกตีพิมพ์มา 100 ปีพอดี) เลยถูกคนอื่นๆ หนังอื่นๆ หยิบยืมแรงบันดาลใจไปใช้จนหมดแล้วตลอดหลายปีที่ผ่านมา เลยไม่เหลือแง่มุมอะไรใหม่ๆ เด็ดๆ ให้คนดูหนังสมัยนี้ได้ฮือฮา หรือดึงดูดให้คนอยากเข้าไปดู แถมยังถูกอาจถูกเขาหาว่าลอกไอเดียเรื่องอื่นๆ มาใช้อีกต่างหาก ทั้งที่จริงๆ แล้วนี่แหล่ะต้นฉบับตัวพ่อเลยครับทั่น


เจ้า Woola หมาปนกิ้งก่า ขวัญใจประจำหนัง
ครั่บ หนังเจ๊งก็ใช่ว่าจะเป็นหนังห่วย และหนังห่วยก็ใช่ว่าจะเจ๊งเสมอไป นี่เป็นสัจธรรมอีกข้อของฮอลลีวู้ด ซึ่งสำหรับเรื่องนี้ก็แค่มาผิดที่ผิดเวลาไป (ไม่) นิดหน่อย ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วหนังก็โอเคเลยทีเดียวนะ คอหนังผจญภัยแฟนตาซีคงจะยังดูกันได้เพลินๆ อยู่หรอก นี่เห็นว่าผู้สร้างเตรียมสร้างภาคสองเอาไว้ แต่พอหนังเจ๊งเลยต้องเบรคโครงการไว้ก่อนจนหัวทิ่มตัวตำ ก็น่าเสียดายที่ไม่รู้ว่าจะได้ดูการผจญภัยของยอดชายนาย John Carter กันอีกเมื่อไหร่สิครั่บ พ่อแม่พี่น้องที่รัก
  • + อลังการงานสร้าง ดูกันได้เพลินๆ คอหนังผจญภัย/แฟนตาซี คงจะถูกใจกัน
  • - หนังมีช่วงน่าเบื่อเป็นพักๆ และไม่มีไอเดียหรือแง่มุมแปลกใหม่มาฝาก (เพราะเรื่องอื่นเขายืมไปใช้หมดแล้ว)




*รีวิวหนังเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องภายในบล็อก*


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น