วันเสาร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

In Darkness (2011): วีรบุรุษท่อน้ำทิ้ง


โปแลนด์



In Darkness (2011) :

นี่คือหนึ่งในห้าของหนังที่ได้เข้าชิงรางวัลออสก้าร์สาขาหนังภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมครั้งล่าสุด ซึ่งถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นหนังโปแลนด์แต่อันที่จริงแล้วหนังเกิดจากการร่วมทุนสร้างระหว่าง โปแลนด์ เยอรมัน และ แคนาดา ซึ่งประเทศหลังสุดเนี่ยถึงกับยืดอกพกถุงคุยโขมงอย่างภาคภูมิใจว่านี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีหนังจากการสร้างของชาติตนได้เข้าชิงออสก้าร์รอบสุดท้ายถึงสองเรื่องพร้อมกัน ซึ่งอีกเรื่องนั้นก็คือหนังครู/นักเรียนอย่าง Monsieur Lazhar นั่นเองจ้า


หนังยิวถูกข่มเหงมาอีกแล้วครับทั่น
หนังสร้างจากบันทึกความทรงจำของชาวยิวที่รอดจากการกวาดล้างโดยพวกนาซีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งทั้งนี้ที่พวกเขารอดมาได้ก็โดยการหลบลงไปลี้ภัยในท่อระบายน้ำเสียขนาดใหญ่ที่อยู่ใต้เมือง โดยว่าจ้างชายชาวโปแลนด์หน้าตาเจ้าเล่ห์คนหนึ่งซึ่งทำงานดูแลที่นั่นอยู่ ให้คอยส่งข้าวส่งน้ำและหาทำเลปลอดภัยให้กบดานยามมีคนลงมาตรวจ ซึ่งไปๆ มาๆ คนๆ นี้ได้กลับกลายเป็นวีรบุรุษที่คอยช่วยชีวิตของพวกเขาไว้จนกระทั่งสิ้นสุดสงคราม และได้กลับขึ้นมาสัมผัสแสงสว่างเหนือท่อระบายน้ำอีกครั้ง หลังจากที่พวกเขาต้องอาศัยอยู่ในความมืดข้างใต้นั่นนับเป็นปี (ป๊าด!)


คนซ้ายซึ่งเป็นพระเอกของเรื่องหน้าตาตัวโกงมาก
ครั่บ หลายคนคงจะรู้สึกเอียนๆ กับหนังชาวยิวในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองกันแล้ว เพราะมีออกมาให้ดูกันตลอดซะ แต่ช้าก่อน อย่าเพิ่งเบือนหน้าหนีจากหนังเรื่องนี้ไป ซึ่งมีดีตรงที่สร้างโดยประเทศโปแลนด์ เจ้าบ้านที่เกิดเหตุการณ์เองเลย แถม ผกก.พลังหญิงแพ็คคู่สุดคุ้มอย่าง Agnieszka Holland และ Katarzyna Adamik ก็สามารถเล่าเรื่องได้อย่างน่าติดตาม แสดงความชีช้ำที่ชาวยิวต้องเผชิญได้อย่างถึงกึ๋น แถมแตกต่างตรงที่แสดงความเป็น 'มนุษย์' โดยเฉพาะในแง่ 'ความหื่น' ของชาวยิว ที่ไม่ค่อยได้เห็นในหนังแนวนี้เรื่องอื่นๆ นัก เรียกว่าคนยิวก็หื่นเป็นเว้ย ไม่ได้เป็นกลุ่มคนที่บริสุทธิ์ อ่อนแอ ไร้ทางสู้ กันอย่างเดียวว่างั้นเถอะ

อุโมงค์ระบายน้ำเสียคือวิมานของคนหนีตาย
ส่วนอีกอย่างที่แตกต่างคือหนังเทน้ำหนักไปทางตัวเอกชาวโปแลนด์มากกว่าจะเน้นไปทางก๊วนชาวยิวที่หลบภัยอยู่ เพื่อให้คนดูได้มองเหตุการณ์ครั้งนั้นในแง่มุมที่แตกต่างบ้าง และเพื่อไม่ให้ซ้ำกับเรื่องราวของชาวยิวที่คอยหลบภัยคล้ายๆ กันอย่างเรื่องราวของ Ann Frank อีกด้วย ทางด้านนาย Robert Wieckiewicz ตัวเอกของเรื่องแกทำหน้าที่ได้ดีมาก ในบทชายชนชั้นแรงงานชาวโปแลนด์ ที่ดูหน้าก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีประวัติไม่ขาวสะอาดแน่ ซึ่งจากแรกๆ เขาก็หวังหาผลประโยชน์จากความเดือดร้อนของชาวยิว แต่ต่อมาตัวละครของเขาก็ค่อยๆ ดูหล่อขึ้นมาทันใด เมื่อได้ตัดสินใจหันมาช่วยเหลือคนเหล่านั้นโดยบริสุทธิ์ใจ แม้ว่าจะรู้อยู่เต็มอกว่ามันอาจจะส่งผลให้ครอบครัวของเขางานเข้าก็ตามที (Oskar Schindler เวอร์ชั่นโปแลนด์?)

มีความสุขกันได้แม้จะอาศัยอยู่ในอุโมงค์ระบายน้ำเสีย
ในหนังศัตรูตัวฉกาจของชาวยิวในโปแลนด์ไม่ใช่พวกนาซีเท่านั้น แต่ดันเป็นคนโปแลนด์ด้วยกันเองต่างหากที่หวังเอาใจพี่เบิ้มอย่างนาซีที่ยาตราทัพบุกประเทศตนเป็นประเทศแรก และพลอยเห็นดีเห็นงามกับการชักชวนให้ประชาชนหลงคำโฆษณาชวนเชื่อให้ข่มเหงชาวยิว อย่างเช่น "เพราะคนยิวฆ่าพระเยซู" แบบที่หลายคนไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าพระเยซูก็เป็นชาวยิวเหมือนกัน (ฮ่วย) ซึ่งเป็นอะไรที่บาดใจสุดๆ แล้วกับการเห็นคนชาติเดียวกันต้องมาเกลียดชังกันแบบนี้ (คุ้นๆ เนอะว่ามั้ย?)


เป็นหนังดีที่โปแลนด์ภูมิใจนำเสนอจ้า
ถึงตรงนี้ก็ต้องบอกว่าใครชอบดูหนังประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะผู้ที่สนใจความเป็นไปของชาวยิวในสงครามโลกครั้งที่สองล่ะก็คงจะชอบหนังเรื่องนี้กัน ส่วนท่านที่เป็นขาจร ถ้าไม่หวั่นกับหนังที่มีบรรยากาศสุดชีช้ำ หดหู่ รันทด ไม่มีอะไรสวยงามชวนเพลิดเพลินให้ดู ก็อยากจะให้ได้ดูกันด้วย นี่เป็นหนังดีมีคุณภาพอีกเรื่องของปีที่แล้วครับพี่น้องที่รักทุกท่าน :)
  • + หนังคุณภาพ เล่าเรื่องได้อย่างน่าติดตาม เสนออีกแง่มุมของชาวยิวในสงครามโลกครั้งที่สองได้อย่างน่าสนใจ การแสดงเป็นเยี่ยม
  • - หนังยิวรันทดแบบนี้ หลายคนเริ่มจะเบื่อๆ กันแล้ว และไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูหนังเพื่อคลายเครียดอย่างแรงเน้อ





*รีวิวหนังที่ได้เข้าชิงออสก้าร์ครั้งที่ 84 ในสาขาหนังภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม เรื่องอื่นๆ ภายในบล็อก*

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น