วันพฤหัสบดีที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

The Hunter (2011): พรานเหี่ยวล่าป่ากระจุย


The Hunter (2011) :
ลุงเหี่ยว Willem Dafoe (57 ขวบ) นับเป็นนักแสดงเจ้าบทบาทที่ถึงแม้หน้าตาไม่หล่อแถมเหี่ยวมาแต่ไหนแต่ไรอีกต่างหาก ทว่าก็เท่ได้ใจจนเป็นอีกคนที่มีผลงานออกมาอย่างสม่ำเสมอแม้ว่าส่วนใหญ่แกจะมาในบทสมทบประเภทตัวประกอบกิตติมศักดิ์ก็ตามที


พรานเหี่ยวตะลุยแทสมาเนีย
มาคราวนี้แกขอเป็นพระเอกเต็มตัวอีกครั้งกับบทบาทของพรานหน้าเหี่ยวแต่ฝีมือสุดเก๋าจากอเมริกาที่ถูกว่าจ้างโดยบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ให้มุ่งหน้าสู่เกาะแทสมาเนีย (เป็นส่วนหนึ่งของออสเตรเลีย) เพื่อออกตามล่าตัว 'เสือแทสมาเนีย' ที่เชื่อว่าเป็นตัวสุดท้ายในโลกแล้ว ซึ่งการหาตัวมันให้เจอนั้นก็เป็นอะไรที่ยากยังกับงมเข็มในป่าดงดิบเลยทีเดียวเชียว


เหมือนจะเป็นแค่หนังแอ็คชั่นพื้นๆ
ดูหน้าหนังแล้วชวนให้คิดไปว่านี่เป็นหนังแอ็คชั่นมันส์ๆ แต่ที่จริงแล้วออกแนวดราม่าเงียบๆ เรื่อยๆ ไม่กระโตกกระตากซะมากกว่า เพราะเวลาของหนังส่วนใหญ่หมดไปกับฉากการออกตามรอยเสือแทสมาเนียของพระเอกท่ามกลางป่าเขาตามลำพัง สลับกับเรื่องราวของการผูกมิตรกับสามแม่ลูกที่แกไปเช่าห้องอยู่ด้วย และความขัดแย้งระหว่างพวกตัดไม้ทำลายป่ากับกลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติ

ใครอยากเห็นวิวทิวทัศน์ของแทสมาเนียเชิญเรื่องนี้
เหมือนจะมันส์แต่ก็ไม่ แต่จะว่าน่าเบื่อก็ไม่เช่นกัน เพราะหนังดูได้เพลินๆ ตลอดชั่วโมงครึ่งกับวิวทิวทัศน์ของแทสมาเนีย และเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยน่ารู้ในการเดินป่า ที่สำคัญคือประเด็นหลัก เมื่อมนุษย์บุกรุกทำลายธรรมชาติเพื่อผลประโยชน์ของตนจนสามารถกำจัดทุกคนที่ขวางทางได้ ในขณะที่พล็อตรองที่มีเด็กๆ มาเกี่ยวข้องก็น่าประทับใจทีเดียว จนนับเป็นหนังออสเตรเลียเล็กๆ ที่คุณภาพไม่เล็กอีกเรื่องหนึ่งเลยนะขอบอก
  • + หนังดราม่าท่ามกลางป่าเขาธรรมชาติที่ทำออกมาได้เข้าท่า ดูเพลินไม่ใช่เล่น
  • - ไม่บู๊ไม่มันส์อย่างที่หน้าหนังชวนคิด




*อันเนื่องมาจากหนัง*

หน้าตาของเสือแทสมาเนีย (หน้าเหมือนไอ้ด่างข้างถนนชอบกล)
สำหรับคนที่นึกหน้าตาของเสือแทสมาเนียไม่ออกเราก็มีรูปและเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของมันมาให้ยลกัน ซึ่งมันคือสัตว์กินเนื้อที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า 'Thylacine' แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่จะรู้จักกันในนาม 'เสือแทสมาเนีย' (เนื่องด้วยลายพาดตรงหลังของมัน) หรือไม่ก็ 'หมาป่าแทสมาเนีย' โดยถิ่นฐานของพวกมันจะอยู่ในแถบ ออสเตรเลีย นิวกีนี และแทสมาเนีย ซึ่งการบุกรุกไปตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้พวกมันสูญพันธุ์ไปตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20

แต่เมื่อเร็วๆ นี้ก็ยังมีบางคนอ้างว่าพบเห็นร่องรอยของพวกมันในป่าอยู่ จนมีการตั้งรางวัลสำหรับผู้ที่จับมันมาพิสูจน์แบบเป็นๆ ได้ ซึ่งก็สูงถึงหนึ่งล้านเจ็ดแสนห้าหมื่นเหรียญเลยก็มี แต่ก็ไม่มีใครจับมันมาได้สักคน อีกทั้งการตั้งกับดักจับสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์นั้นก็ผิดกฏหมายด้วย ดังนั้นทุกวันนี้ เสือแทสมาเนีย จึงเป็นสัตว์ในตำนานอีกชนิดไปในที่สุด

*คัดข้อมูลบางส่วนมาจาก wikipedia จ้า*


*รีวิวหนังที่เกี่ยวกับเกาะแทสมาเนียเรื่องอื่นๆ ภายในบล็อก*




1 ความคิดเห็น: