วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

Montevideo, God Bless You! (2010): บอลครับ เราจะเตะเพื่อฝัน




Montevideo, God Bless You! (2010) :
หลายคนที่เพิ่งจะเริ่มประเดิมหนังจากประเทศเซอร์เบียด้วยเรื่อง A Serbian Film (2010) (เยี่ยงเรา) คงจะพากันฝังใจไปแล้วว่า ประเทศนี้คงจะถนัดทำแต่หนังซาดิสม์ๆ เสื่อมๆ เยี่ยงนั้นกระมัง แต่ว่าช้าก่อน อย่าเพิ่งด่วนสรุปไป เพราะหากท่านได้มายลหนังเรื่องนี้แล้วก็จะพบว่าประเทศนี้ทำหนังแนวดราม่าฟีลกู้ดก็เป็น แถมยังทำได้แจ่มแจ๋วเข้าท่าเข้าทางมากๆ เสียด้วยสิครับพ่อแม่พี่น้อง


แฟนๆ หนังกีฬาฟุตบอลเชิญทางนี้จ้า
หนังพาย้อนไปเซอร์เบียช่วงปลายทศวรรษที่ 20 (ขณะนั้นยังเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรยูโกสลาเวีย) เพื่อพบกับเรื่องราวแสนอบอุ่นประทับใจที่สร้างจากเรื่องจริงของหนุ่มๆ นักฟุตบอลจากเบลเกรด (เมืองหลวงของเซอร์เบีย) ซึ่งร่วมแรงร่วมใจกันฝ่าฟันอุปสรรคนานาประการ เพื่อให้พวกตนได้กลายเป็นทีมชาติ โดยมีความฝันอันสูงสุดในการได้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งแรกที่จะมีจัดขึ้น ณ กรุง Montevideo เมืองหลวงของประเทศอุรุกวัยในปี ค.ศ.1930 นั่นเอง

สาวๆ ชาวเซอร์เบียเนี่ยสวยๆ กันทั้งนั้นเชียว
Dragan Bjelogrlić นักแสดงรุ่นเก๋าชาวเซอร์เบีย ขอผันตัวมาทำหน้าที่ ผกก.เป็นครั้งแรกในเรื่องนี้ ซึ่งเขาก็ทำหน้าที่ได้ดีมากเพราะสามารถเล่าเรื่องราวที่มีพล็อตง่ายๆ พื้นๆ ประเภทหมารองบ่อนสู้เพื่อฝันให้ออกมาดูอบอุ่น มีเสน่ห์ มีอารมณ์ขัน น่าติดตาม ให้แรงบันดาลใจและน่าประทับใจทีเดียว ในขณะที่งานสร้าง ก็ออกมาแจ่มแจ๋ว ทั้งเสื้อผ้าหน้าผม ฉากเฉิก ที่สามารถเนรมิตบ้านเมืองของเขาในยุครุ่งโรจน์นั้นให้ออกมาสวยงามน่าหลงใหลยิ่งนัก


พระเอกเรื่อง A Serbian Film ก็โผล่มากับเขาด้วย
ถึงแม้ท่านจะไม่ใช่แฟนบอลตัวยงก็สามารถดูหนังเรื่องนี้ได้อย่างสนุก เพราะหนังโฟกัสไปที่ชีวิตส่วนตัวของนักฟุตบอลแต่ละคนและผู้คนที่รายล้อมมากกว่าจะมุ่งนำเสนอแต่ฉากเตะบอลกันอย่างเดียว และหนังยังมีดีตรงที่เต็มไปด้วยเหล่านักแสดงหนุ่มสาวหน้าตาดี (โดยเฉพาะสาวๆ ที่สวยๆ กันทั้งนั้น) แต่ในขณะเดียวกันการที่หนังเน้นไปที่การปลุกเลือดรักชาติ ชาวต่างชาติอย่างเราๆ ท่านๆ เลยอาจจะอินกับเขาได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยนัก

เสื้อผ้าหน้าผมฉากเฉิกดูดีทีเดียว
นอกจากจะแสดงให้เห็นวงการฟุตบอลสมัยนั้นที่ยังบริสุทธิ์ เต็มไปด้วยศักดิ์ศรี ความภาคภูมิใจ ไม่ได้มีเรื่องผลประโยชน์หรือธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้องมากเช่นปัจจุบันนี้ หนังยังเน้นแล้วเน้นอีกถึงเรื่อง การไม่ละทิ้้งความฝัน การร่วมแรงร่วมใจเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ซึ่งพอนักเตะทุกคนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันแล้วก็สามารถเชื่อมใจคนทั้งชาติให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้ด้วย ดูแล้วก็นึกถึงทีมชาติบ้านเราขึ้นมาทันใด ที่ถึงตอนนี้จะดูไม่มีวี่แววจะไปถึงไหน แต่ก็อย่าเพิ่งละทิ้งความหวังความฝันไปเน้อพี่น้อง หากพวกเราเรียนรู้ที่จะร่วมแรงร่วมใจกัน ก็จงเชื่อเถิดนะว่าสักวัน บอลไทยเราจะไปมวยโลก เอ๊ย ไปบอลโลกสิ ฮ่าๆ

*เพราะหนังได้ทั้งเงินทั้งกล่องซะปานนั้น ตอนนี้ผู้สร้างเลยเตรียมเข็นภาคสองออกมาในปีนี้จ้า*
  • + เป็นหนังดราม่าในแวดวงฟุตบอลที่ อบอุ่น มีเสน่ห์ ให้แง่คิดและขวัญกำลังใจ ที่แม้ท่านจะไม่ใช่คอหนังกีฬาก็สามารถชื่นชอบได้ไม่ยากเลย
  • - หนังมาด้วยเรื่องราวแบบพื้นๆ และการปลุกเลือดรักชาติที่หลายคนคงจะไม่อินไปด้วยได้นัก




*ช่วงอันเนื่องมาจากหนัง*

หน้าตาทีมชาติยูโกสลาเวีย (เซอร์เบีย) ตัวจริงเสียงจริง
อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าหนังสร้างจากเรื่องจริงของทีมชาติยูโกสลาเวีย ที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งแรกที่จัดขึ้นในปี ค.ศ.1930 ณ ประเทศอุรุกวัย ซึ่งพวกเขาก็ทำหน้าที่ได้ดีโดยสามารถเอาชนะทีมชาติบราซิลไป 2-1 และชนะทีมชาติโบลิเวียไป 4-0 ได้เข้ารอบสองไปเจอะเจ้าภาพอุรุกวัย ผลที่ออกมาก็คือพวกเขาแพ้ขาดลอยไปถึง 6-1 ก่อนที่อุรุกวัยจะได้เข้าชิงกับอาร์เจนติน่าและชนะไป 4-2 ได้เป็นแชมป์บอลโลกไปในที่สุด (ยังดีที่แพ้ให้แชมป์ล่ะนะ)

ถึงแม้พวกเขาจะไปไม่ถึงนัดชิงแต่มาไกลถึงขนาดนี้ก็ถือว่าเกินคาดแล้ว เพราะต้องยอมรับว่าพวกเขาเป็นทีมชาติที่ไม่พร้อมที่สุดทีมหนึ่งในทัวร์นาเม้นท์นี้ ทั้งจากการที่ในทีมต้องใช้นักเตะต่างเชื้อชาติ และเจอเรื่องขลุกขลักมาตลอด แต่ก็สามารถรวมใจกันฝ่าฟันเข้าไปถึงรอบสอง ซึ่งเท่านี้พวกเขาก็เป็นความภูมิใจให้กับคนทั้งชาติได้แล้ว จนแม้เวลาจะผ่านล่วงเลยมากว่า 80 ปีแล้ว แต่ผู้คนก็ยังไม่ลืม และได้สร้างหนังเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ถึงความภาคภูมิใจครั้งนั้น ต่อๆ ไปเป็นนิตย์เอย

*คัดข้อมูลมาจาก wikipedia จ้า ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยเน้อ*


*รีวิวหนังจากประเทศเซอร์เบียเรื่องอื่นๆ ภายในบล็อก*




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น