วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

Limitless (2011): เม็ดเดียวก็เมพได้



Limitless (2011) :
ด้วยอานิสงส์ผลบุญของ The Hangover (2009) ส่งให้ทุกคนที่มีส่วนร่วมมีชื่อเสียงขึ้นมาทันควัน และสองคนที่ดูเหมือนว่าจะโดดเด้งติดลมบนกว่าเพื่อนก็คือเฮียตุ้ยเคราดก Zach Galifianakis (Due Date [2010]) และอีกคนก็คือพี่ Bradley Cooper (The A-Team [2010]) ซึ่งหลังจากได้รับบทประเภทพระรองในหนังระดับเอกหรือไม่ก็พระเอกในหนังระดับรองมาตลอด และแล้วก็ถึงวาระเลื่อนขั้นมาเป็นพระเอกระดับดีหนึ่งประเภทหนึ่งชนิดเต็มตัวได้กับเขาซะทีในผลงานเรื่องนี้นั่นเองจ้า


ขอเป็นพระเอกเต็มตัวในหัวใจแฟนๆ ซะทีนะคร้าบ
หนังสร้างจากนิยายเรื่อง The Dark Fields ของ Alan Glynn ที่ตีพิมพ์ออกมาตั้งแต่ปี 2001 อันเป็นเรื่องเกี่ยวกับ นักเขียนสมองตันแถมยังกระเป๋าแบนแฟนทิ้ง (Cooper) ที่ดูมุมไหนก็คงจะเป็นพวกขี้แพ้ได้โล่ ซึ่งบังเอิญได้ลิ้มลองยาสุดเทพชื่อ NZT-48 ที่มีฤทธิ์ทำให้เขาสามารถใช้ประสิทธิภาพของสมองตนได้เต็ม 100% (หนังอ้างว่าคนเราส่วนใหญ่ใช้สมองไปแค่เพียง 20% เท่านั้น) จนกลายเป็นคนเมก้าเคลฟเวอร์ฉลาดสุดๆ และหันมาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงชีวิตของตนให้ไปในทางที่ดีขึ้น (รวยขึ้น?) แต่เสียดายที่ฤทธิ์ยาอยู่ได้เพียงวันต่อวัน ทำให้เขาต้องขวนขวายหายานี้มาเสพอยู่ตลอด จนทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายต่างๆ ตามมาเป็นเงาตามตัว


นางเอกเรามาในมาดที่ชวนให้นึกถึง Nicole Kidman เวอร์ชั่นอวบ
ผกก.Neil Burger (เจ้าของหนังสุดแจ่ม The Illusionist [2006]) กลับมาพร้อมผลงานลำดับที่ 4 (ซึ่งนี่เป็นเรื่องแรกของเขาที่ไม่ได้เป็นคนเขียนบทเอง) หนังเปิดตัวมาได้อย่างน่าสนใจ มีพล็อตเรื่องที่น่าติดตาม การนำเสนอก็มีสไตล์ เก๋และเท่แบบที่ไม่หนักมือจนเกินไป ถึงแม้ว่าพอหนังเดินทางไปได้ครึ่งเรื่องจะเริ่มสูญเสียความน่าสนใจลงไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วหนังก็ยังถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจไม่เสียเซลฟ์อยู่ดีนั่นแหล่ะจ้า


ป๋า Robert De Niro แก่แต่ยังเก๋า
ต้องขอบอกว่าพี่ Cooper เรายังดูไม่ค่อยเหมือนพวกขี้แพ้อย่างที่บทต้องการสักเท่าไหร่ ยังดีที่พอถึงช่วงแกฉลาดเนี้ยบขึ้นมาแล้วล่ะก็ไปได้สวยเชียว (ถ้าเป็นนาย Shia LaBeouf ได้เล่นก็คงจะเข้าท่าดีนะเนี่ย) ในขณะที่คนอื่นๆ ก็ไม่มีใครโดดเด่นเกินหน้า ทั้งป๋า Robert De Niro และสาว Abbie Cornish (Sucker Punch [2011]) ที่มาในบทสมทบก็แทบไม่มีอะไรให้ได้ทำมากนัก (แต่คนหลังก็ยังสวยได้ใจเราอยู่ดีแหล่ะ อิอิ)


Shia LaBeouf และ Elizabeth Banks เกือบได้มาเป็นพระนางของหนังแล้ว
หนังบอกว่าถ้าเราฉลาดเราก็จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ไม่ยาก (ซึ่งมันก็คงจะจริง) แต่สิ่งที่เป็นมาตรฐานวัดว่าใครฉลาดและประสบความสำเร็จในชีวิตหรือไม่คงไม่ได้อยู่แค่ตรงที่ มีอำนาจ วาสนา หรือร่ำรวยล้นฟ้า เท่านั้นหรอกมั้ง เพราะไม่ต้องฉลาดนักก็เป็นนักการเมืองสุดร่ำรวยได้ (เหอๆ) และการที่เราฉลาดก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะกลายเป็นคนดีไปด้วยโดยอัตโนมัติ ซึ่งถ้ามีแต่ไอคิวแต่ขาดอีคิว เป็นคนฉลาดแต่ชั่วช้า มันก็ไม่มีค่าอะไรเลย ว่ามั้ย?

ปล.นักวิทยาศาสตร์แย้งว่าจริงๆ แล้วคนเราก็ใช้สมอง 100% กันอยู่แล้ว (แต่ไม่ตลอดเวลา) ซึ่งที่เชื่อกันว่าใช้เพียงแค่ 20% นั้นจึงเป็นเพียงแค่ความเชื่อผิดๆ เท่านั้นเน้อ

  • + มีพล็อตน่าสนใจ การนำเสนอมีสไตล์ พี่ Cooper พาดวงตาสีฟ้าใสมาทำให้สาวๆ ใจละลายแบบเต็มๆ
  • - พอผ่านครึ่งเรื่องไปหนังเรื่องหมดความน่าสนใจ หลายคนคงคาดหวังว่าหนังน่าจะเล่นอะไรได้มากกว่านี้นะ




*ช่วงเพลงในหนัง*
The Black Keys
หนังเรื่องนี้มีเพลงให้ฟังเยอะอยู่เหมือนกัน แต่ว่าล้วนแต่เป็นเพลงจากศิลปินที่ไม่เป็นที่รู้จักแทบทั้งสิ้น รู้สึกว่าจะมีแต่เพียงในรายของ Prosphorescent และ The Black Keys เท่านั้นที่พอจะมีชื่อเสียงเรียงเพลงพอเป็นที่คุ้นหูกันอยู่บ้าง ว่าแล้วเราก็นำเพลงของพวกเขาในหนังมาฝากกันจ้า
*รีวิวหนังของพี่ Bradley Cooper และเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องภายในบล็อก*





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น