วันเสาร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2553

30 Days of Night: Dark Days (2010): ล่าหัวนางพญาแวมไพร์

30 Days of Night: Dark Days (2010) :
ก็เพราะว่าภาคแรกเมื่อปี 2007 ที่กำกับโดย David Slade ประสบความสำเร็จพอสมควรเลยทีเดียว(ก่อนที่เขาจะหันมาทำหนังแวมไพร์หวานย้วยอย่าง The Twilight Saga: Eclipse [2010]ในเวลาต่อมา) มีหรือที่ทางผู้สร้างจะไม่เข็นภาคต่อออกมาหากินอีกคำรบ ว่าแล้วก็เลยนำหนังสือการ์ตูนตอนต่อชื่อ Dark Days มาสร้างส่งตรงลงแผ่น โดยได้ Steve Niles เจ้าของเรื่องมาร่วมเขียนบทเช่นเดิม


โฉมหน้าก๊วนนักล่าแวมไพร์(จะไหวเหร๊อ?)
สำหรับเรื่องราวในภาคนี้ก็ต่อจากภาคที่แล้วเมื่อ Stella Oleson (Kiele Sanchez จาก A Perfect Getaway [2009] มาเล่นแทน Melissa George นางเอกภาคแรก) หันมาเขียนหนังสือแฉเหตุการณ์ที่เมือง Barrow Town ให้โลกได้รับรู้(แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครเชื่อชีเลยนะ) นั่นเลยทำให้เธอถูกก๊วนนักล่าแวมไพร์ซึ่งก็คือบรรดาคนที่เคยสูญเสียคนอันเป็นที่รักไปเพราะแวมไพร์ ชักชวนเข้าร่วมก๊วน โดยพวกเขามีเป้าหมายสูงสุดคือการตามเด็ดหัวนางพญาแวมไพร์นาม Lilith(Mia Kirshner จากซีรี่ส์ The L Word) ให้จงได้

นางพญาแวมไพร์ซึ่งก็คือเมียของหัวหน้าแวมไพร์ภาคแรกนั่นเอง
หนังใช้บริการของ ผกก.Ben Ketai ผู้เคยคลุกคลีกับซีรี่ส์ 30 Days of Night: Dust to Dust (2008) มาก่อน(ว้าว มีด้วยเหรอ?) และเพราะเป็นหนังแผ่น งบก็เลยน้อยนิด อะไรๆ ก็เลยพลอยดูด้อยลงไปจากภาคแรกหมด ไม่ว่าจะด้านเอฟเฟกต์ ด้านเมคอัพ(ธรรมดามาก)แต่ยังดีนะที่ยังมีอะไรสยองๆ ให้ได้สะใจคอซาดิสม์อยู่บ้าง ในขณะที่การเปลี่ยนนางเอกเป็นคุณ Sanchez นั้นก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะเธอทำหน้าที่ได้ดี(แม้จะดูสวยน้อยกว่าคนเดิมนิดหน่อยก็เถอะ อิอิ)

ดูเหมือนแวมไพร์ตัวนี้จะลืมทาครีมกันแดดมานะ
หนังต่างจากภาคแรกตรงที่นอกจากจะเปลี่ยนสถานที่มาว่ากันในเมืองแล้ว(ในที่นี้คือ แอลเอ) สองเผ่าพันธุ์ยังเปลี่ยนบทบาทกันด้วย คือในภาคแรกคนเป็นผู้ถูกล่าแต่ภาคนี้คนเป็นฝ่ายล่าแวมไพร์ซะเอง ซึ่งก็โอเค ไม่ว่ากัน แต่ดูๆ แล้วหนังก็มีหลายอย่างที่รู้สึกว่า'อ่ะนะ' เช่นการที่เหล่านักล่าแวมไพร์ที่มีกันแค่สามสี่คนกับปืนคนละกระบอกสองกระบอก แต่ดันอาจหาญเดินดุ่ยๆ เข้าไปถล่มแวมไพร์ถึงในรังซะได้ ดังนั้นจึงถือว่าเป็นการรนหาที่แท้ๆ ดูแล้วไม่น่าเอาใจช่วยเท่าภาคแรกเลย รวมทั้งอะไรอีกหลายอย่างที่ชวนตะหงิดๆ ไม่ได้ใจเจ๊เล้ย


โปสเตอร์หนังและตัวหนังยืมไอเดียมาจาก The Descent (2005)หรือเปล่าหนอ?
แต่ก็เอานะ รวมๆ แล้วหนังก็ไม่ได้ห่วยอะไร ถึงงานสร้างจะดูเกรดบี แต่ฉากสยองมีให้ดู นักแสดงสวยๆ ก็มีให้ยล ติดแค่เพียงว่ามีบางอย่างที่ไม่ได้ใจ ทั้งยังขาดอะไรเด็ดๆ เลยดูสนุกน้อยลงไปบ้างเท่านั้นเอง คอหนังสยองก็ยังดูกันได้เพลินๆ อยู่นะจ้ะ ส่วนสำหรับคนที่ติดใจภาคแรกแล้วอยากจะรู้เรื่องราวต่อไปก็เชิญโลด ขอสปอยล์นิดนึงว่าตอนจบดูแล้วมี "อ่ะนะ" นะจะบอกให้ เหอๆ (??)
  • น่าดูเพราะ: คอหนังสยองที่ชอบดูแวมไพร์โหดมากกว่าแวมไพร์นุ่มนิ่มและคนที่เคยติดใจภาคแรกแล้วอยากลุ้นภาคต่อคงไม่พลาดกัน
  • ไม่น่าดูเพราะ: ด้วยเพราะเป็นหนังแผ่นงานสร้างเลยด้อยกว่าภาคแรกเยอะ รวมทั้งความสนุกที่ด้อยลงไปด้วยน่ะสิ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น