ในอนาคตอันใกล้ได้เกิดสงครามนิวเคลียร์ล้างโลกขึ้น และในวันที่นิวยอร์คโดนถล่มเละ ชาวประชา 9 คนหนีตายลงไปหลบภัยที่ชั้นใต้ถุนอพาร์ทเม้นท์ได้อย่างหวุดหวิด โดยมีบางคนเตรียมการตุนอาหารและสถานที่ไว้พร้อมล่วงหน้าอยู่แล้ว ทว่าถึงพวกเขาจะรอดตายมาได้ แต่ยิ่งนับวันที่ต้องอยู่ที่นั่นอย่างจำทนก็ยิ่งทำให้พวกเขาสติแตกและเผยธาตุแท้ด้านมืดของตนออกมา จนเกิดนรกย่อยๆ ขึ้นชนิดที่ว่าบางทีมันอาจจะดีกว่ามั้ยถ้าพวกเขาตายไปเสียตั้งแต่แรกซะ
หน้าตาของผู้เหลือรอดจากหายนะโลก
Xavier Gens ผกก.ชาวฝรั่งเศสซึ่งเป็นที่รู้จักขึ้นมาจากหนังโหดอย่าง Frontière(s) (2007) และโกอินเตอร์ในปีเดียวกันแบบหงอยๆ กับ Hitman หนังที่สร้างจากเกมฮิต กลับมาพร้อมผลงานล่าสุดที่คราวนี้ขอทำหนังแนว 'หลังวันหายนะโลก' (post-apocalyptic) กับเขาบ้าง โดยได้ดาราที่พอมีชื่อเสียงปานกลางกับเคยดังอย่าง Milo Ventimiglia (ซีรี่ส์ Heroes) และ Michael Biehn มาเสริมสร้างความดูดีมีชาติการ์ตูนให้แก่หน้าหนัง
คุณพี่ Milo จากซีรี่ส์ Heroes ก็มากับเขาด้วย
แม้นพล็อตหนังแนวนี้จะซ้ำๆ กันแทบทั้งหมด แต่หนังก็สามารถเปิดตัวขึ้นมาได้อย่างน่าติดตาม และสร้างความหวังให้แก่คนดูได้ว่าหนังคงจะออกมาเข้าท่า แต่พอเวลาผ่านไปสักพักก็จะพบว่าอันที่จริงแล้วหนังมุ่งเน้นไปที่การแสดงด้านมืดของมนุษย์ท่ามกลางวิกฤตการณ์อันสิ้นหวังมากกว่าจะเน้นแอ็คชั่นมันส์หยดติ๋ง โดยสร้างเงื่อนไขให้เดินเรื่องกันในสถานที่เดียวทั้งเรื่องไม่ไปไหน และบรรดานักแสดงที่ลงทุนลดน้ำหนักจนผอมโทรมสมบทบาท ซึ่งเหล่านี้ก็ช่วยสร้างบรรยากาศชวนอึดอัด หดหู่ สิ้นหวัง ให้แก่ตัวหนังได้เป็นอย่างดี
นี่ไม่ใช่ภาพจากหนัง Saw เน้อ
แต่ดูเหมือนหนังจะหดหู่ อึดอัด กดดันไปหน่อยนะ คือไม่มีช่วงให้ได้พักผ่อนตาใจ ไม่มีแง่มุมอื่นที่น่าสนใจหรือมีลีลาการเล่าเรื่องเด็ดๆ มาเสนอ หนังขาดคำอธิบายในหลายๆ อย่าง แถมตัวละครแต่ละตัวก็ไม่ค่อยจะน่าเอาใจช่วยสักเท่าไหร่ การที่ต้องมาทนนั่งดูหนังตลอดความยาวกว่าสอง ชม.จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าอภิรมย์นัก นี่ยังดีที่ตอนจบของหนังนั้นช่วยกู้สถานการณ์ของหนังให้ดีขึ้นมาหน่อย ไม่งั้นหนังคงติดทำเนียบหนังห่วยประจำปี (ของเรา) ได้ไม่ยากเลย จริงอยู่ที่หนังประสบความสำเร็จในการตีแผ่ด้านมืดของมนุษย์ แต่ก็หนักมือจนไม่มีอะไรที่ดูบันเทิงเอาเสียเลย ขอบอก
แต่งตัวซะอย่างกับมาจากเกมเชียว
จากที่เห็นจากหนังถ้าเกิดเหตุการณ์หายนะโลกขึ้นมาจริงๆ ล่ะก็ บางทีคนที่ตายไปก่อนด้วยระเบิดนิวเคลียร์อาจจะโชคดีที่สุดแล้วก็เป็นได้ เพราะสำหรับคนที่อยู่รอดนั้น ไหนจะต้องเจอความอดอยาก กัมมันตภาพรังสี และที่น่ากลัวที่สุดก็คือ 'มนุษย์' ด้วยกันเอง แต่ก็อย่างว่า ไม่มีใครหรอกที่อยากตายเนอะ บางทีในสภาวะที่เลวร้ายที่สุดเขาก็ต้องปรับตัวให้เลวร้ายที่สุดด้วยเพื่อความอยู่รอดชนิดที่เจ้าตัวเองก็ไม่เคยนึกฝันมาก่อน
The Divide สะท้อนถึงมุมต่างๆของมนุษย์ สิ่งลึกๆที่อยู่ภายในใจ
ตอบลบความเห็นแก่ตัว ความต้องการ และความป่าเถื่อน โดยถ่ายทอดออกมาผ่านตัวละคร ที่มีอุปนิสัยและความต้องการที่ต่างกัน กระนั้นตัวละครทุกตัวก็แสดงได้ค่อนข้างสมบทบาท โดยเฉพาะ Marilyn
The Divide ถ่ายทอดอารมณ์ในลักษณะ หดหู่ อึดอัด คับแคบ และจำกัด หนังไม่ได้กล่าวที่มาที่ไปของต้นตอและสาเหตุของ นิวเคลียร์ รวมถึงการที่มีทีมวิจัยที่บุกเข้ามาจับตัวสาวน้อย Wendi ไว้ละเอียดเท่าใดนัก แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสนุกของภาพยนต์ลดลงแต่อย่างใด
The Divide ใช้การดำเนินเรื่องที่ไม่รีบร้อนนัก ถึงจะค่อนข้างอืดๆในช่วงแรก แต่ช่วงกลางและท้ายเรื่อง หนังค่อยๆปล่อยเหตุการณ์ ปมต่างๆ ออกมา
ถึงอย่างไรสะ The Divide ก็เป็นหนังอีกเรื่องที่หน้าหยิบจับขึ้นมารับชม
7/10