Ghost Rider: Spirit of Vengeance (2012) :
อย่างที่เราแพล่มแล้วแพล่มอีกให้ท่านที่รักฟังจนน้ำลายแตกฟองว่า พักหลังๆ นี้เสี่ย Nicolas Cage แกถือนโยบาย 'ปั๊มเงินเลี้ยงลูกเมีย ไถ่ชีวิตโคโยตี้' อย่างยึดมั่น โดยรับเล่นหนังตะบี้ตะบันไม่คัดเกรดปีละหลายเรื่อง (เอาแค่ปี ค.ศ.2011 ปีเดียวเสี่ยแกก็มีหนังปาเข้าไปตั้งสี่เรื่องแล้ว) ในขณะที่ด้านรายได้คำวิจารณ์ของหนังเหล่านี้กลับต่ำเรี่ยดิน จนคนดูหนังหลายคนชักเริ่มออกอาการเหม็นเบื่อหัวเถิกๆ ของเสี่ยแกซะแล้วสิ
ฮีโร่แว๊นพันธุ์นรกกลับมาอีกครั้ง
ตัวโกงแต่ละตัวออกแนวซกมกปนอนาถ
ฮีโร่แว๊นพันธุ์นรกกลับมาอีกครั้ง
เสี่ยแกเห็นท่าไม่ได้การจึงขอหันกลับไปหากินบุญเก่ากับหนังอย่าง Ghost Rider (2007) สักหน่อย เพื่อเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ตนเอง (และเงินในบัญชี) ก่อนที่จะผู้สร้างจะพากันไม่เหลียวแล คนดูไม่แลเหลียวไปหมดซะก่อน โดยในภาคนี้ขอเปลี่ยนตัว ผกก.ไปใช้บริการคู่หูแพ็คคู่สุดประหยัด Mark Neveldine และ Brian Taylor ซึ่งเป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้นมาจากหนังแอ็คชั่นบ้าพลังของเฮียเถิก Jason Statham อย่าง Crank ทั้งสองภาคนั่นเอง
ตัวโกงแต่ละตัวออกแนวซกมกปนอนาถ
หนังย้ายทำเลทองไปบู๊กันแหลกแถวยุโรปตะวันออก (โรมาเนีย และ ตุรกี) เมื่อ Johnny Blaze หรือ Ghost Rider ที่ไปหลบกบดานอยู่แถวนั้น ต้องมีอันได้เข้าไปข้องแวะกับปีศาจร้ายผู้สาปให้เขาต้องกลายเป็นแบบนี้ กลุ่มนักบวชหน้าลาย คนดำตาใส เด็กน้อยหน้าซื่อ สาวสวยใจกว้าง จิ๊กโก๋ปืนโต ฯลฯ โดยนอกจากจะต้องกู้โลกแล้ว พระเอกเรายังหวังเต็มเหนี่ยวว่าจะได้รับการถอนคำสาปให้เขากลับคืนมาเป็นคนเดินดินกินมาม่าอีกครั้งหนึ่งจงได้
อย่าได้ไปแหยมกับสาวปืนยาวคนนี้เชียวนา
หนังมาพร้อมการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ทั้งโลเคชั่นแปลกตา นักแสดงชุดใหม่ และโดยเฉพาะเสื้อผ้าหน้าไฟรถแมงกะไซค์ของตัว Ghost Rider ที่คราวนี้ผู้สร้างอยากให้ออกมาดูซีเรียสซกมกดำปี๋กว่าภาคแรก นอกจากนั้นแล้วการเปลี่ยนตัว ผกก.มาเป็นคู่หูบ้าพลังคู่นี้ ก็ทำให้หนังออกมาดู 'ยาบ้าดีด' ขึ้นมาอีกเยอะ ไม่ว่าจะเป็นการใช้มุมกล้องตัดต่อฉับไว ฉากสตั้นท์หวือหวา หรือการใช้อนิเมชั่นเข้ามาแจม (มีการเอาปกอัลบั้ม Wish You Were Here ของวง Pink Floyd มาใช้ด้วยนะ อิอิ) แว๊นกันทั้งเรื่องนอกเขตสวมหมวกกันน็อค 100%
แต่อนิจจาที่ไอ้ฉากเด็ดๆ ทั้งหลายของหนังน่ะ มันตัดมาให้ดูกันในเทรลเล่อร์แทบจะหมดแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีอะไรให้อู้หูอ้าหามากนักยามดูหนังเต็มๆ ครั้นจะดูพล็อตเรื่องหรือความลื่นไหลของฉากบู๊ก็ช่างธรรมดาสิ้นดี (ตัวโกงก็กระจอกซะ) ประมาณว่าดูดีกว่าหนังแผ่นนิดนึง (ภาคแรกที่คุณภาพไม่ค่อยน่าพอใจนักยังดูสนุกกว่าเยอะ) นี่จึงกลายเป็นหนังตีหัวเข้าบ้านที่น่าผิดหวังไปในที่สุด จนดูท่าว่าอนาคตของหนังแฟรนไชส์ชุดนี้คงจะเริ่มไม่ค่อยสดใสซะแล้วสิ งานนี้เสี่ย Cage จะแก้เกมยังไงต่อไปนั้นก็โปรดติดตามด้วยใจ (ไม่) ระทึกจ้า- + คู่หู Neveldine/Taylor พาสไตล์บ้าพลังมายังหนังฮีโร่แว๊นพันธุ์นรกชุดนี้ได้ดูแปลกหูแปลกตาดี
- - หนังธรรมดามากๆ ไอ้ฉากเด็ดๆ ก็มีให้เห็นในตัวอย่างหนังแทบจะหมดแล้ว ฮ่วย!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น