Top Gun เวอร์ชั่นผิวสี?
แม้อเมริกาจะประกาศเลิกทาสมาตั้งแต่สมัย ปธน.Abraham Lincoln (ค.ศ.1863) แต่จวบถึงสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง (ค.ศ.1944) แล้ว คนผิวสีก็ยังเป็นที่ดูถูก รังเกียจเดียดฉันท์และกีดกันจากคนผิวขาวส่วนใหญ่อยู่เลย กระทั่งในมหาสงครามครั้งนี้ก็ตาม ที่ถึงพวกเขาจะมีส่วนร่วม ก็ได้แค่ทำหน้าที่จิ๊บๆ ไม่ได้สลักสำคัญอะไร แต่แล้วเหล่านักบินรบผิวสี Tuskegee Airmen ในมาดฝูงบินรบที่มีสัญลักษณ์เป็นเครื่องบินที่มีหางเสือสีแดง ได้แสดงวีรกรรมอันเก่งกล้า ออกปฏิบัติภารกิจเสี่ยงตายอย่างห้าวหาญ จนเป็นที่ยอมรับจากคนทั้งชาติและถูกกล่าวขวัญถึงมาจนทุกวันนี้
ฉากรบดูดีมีชาติการ์ตูน
นี่คือโปรเจกท์ในฝันของเสี่ย Lucas เลยก็ว่าได้ เพราะเสี่ยแกหมายมั่นปั้นมือว่าจะสร้างตั้งแต่ต้นยุค 90 แล้ว แต่อะไรๆ ก็ยังไม่ลงล็อคเสียที จนกระทั่งได้ฤกษ์สร้างออกมาฉายเอาต้นปีนี้นี่เอง โดยหนังอยู่ในการรับผิดชอบของ Anthony Hemingway ผกก.ซีรี่ส์ทางทีวีมือฉมัง ที่โดดมากำกับหนังโรงเป็นเรื่องแรก โดยมีเสี่ย Lucas ทำหน้าที่ป๋าดันเป็นโปรดิวเซอร์ให้ รวมทั้งดอดมาถ่ายซ่อมให้หนังอีกด้วยต่างหาก
สองคนนี้ดังที่สุดในเรื่องแล้วล่ะ
ลำพังชื่อของเสี่ย Lucas นั้นก็สามารถดึงดูดความสนใจจากคอหนังได้อยู่แล้ว (แม้จะไม่ได้กำกับเองก็เถอะ) หนังโดดเด่นตรงสเปเชี่ยลเอฟเฟกต์ฉากรบ ฉากระเบิดตูมตาม ที่ดูดีมีชาติการ์ตูนตามมาตรฐานอันดีงามของ ILM (บริษัททำเอฟเฟกต์ของเสี่ยเขาล่ะ) ส่วนการเสนอเรื่องราวของคนผิวสีในสงครามโลกครั้งที่สองก็น่าสนใจอยู่ เพราะไม่ค่อยจะมีหนังกล่าวถึงพวกเขาแบบเต็มๆ เช่นนี้ (อีกเรื่องหนึ่งก็ Miracle at St. Anna [2008] ของ ผกก.Spike Lee โน่น)
โป้งใครเข้าแล้วล่ะนั่น
แต่นอกจากงานด้านเอฟเฟกต์ที่ดูดีกับเรื่องราวที่น่าสนใจแล้ว ดูเหมือนการเล่าเรื่องยังจะธรรมดาไปบ้าง คือเล่าไปเรื่อยๆ เฉยๆ ไม่มีอะไรที่น่าประทับใจ หรือแตกต่างจากหนังสงครามทั่วๆ ไป แม้กระทั่งฉากรบก็ยังดูธรรมดาไม่น่าตื่นเต้น ไม่มีลุ้น ไม่หือไม่อือไปด้วยซ้ำหากเปรียบเทียบกับหนังสงครามส่วนใหญ่ในทุกวันนี้ จนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นหนังทีวีหรือหนังแผ่นที่มีโปรดักชั่นใหญ่โตกว่าก็ยังได้
ถึงหน้าจะมืดแต่ก็เก่งไม่แพ้ใคร
ยังไงก็ต้องขอชื่นชมที่เสี่ยแกมีความตั้งใจอันดี ที่อยากเล่าขานวีรกรรมคนผิวสีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ให้คนรุ่นหลังและโลกได้รับรู้ แม้ผลที่ออกมายังธรรมดาๆ ไม่น่าประทับใจหรือน่าจดจำนักก็ตาม เราคิดว่าอีกส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะหนังมาช้าไปยี่สิบปี อะไรๆ ก็เลยดูเชยๆ เฉยๆ ไปซะหมดแบบนี้ ยังไงคอหนังสงครามและผู้ที่สนใจเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่สองก็ไม่ควรพลาดกันเน้อ ขอบอก
*ปล.นี่คือหนังเรื่องแรกที่ใช้ระบบเสียง Auro 3D 11.1 ซึ่งให้เสียงรอบทิศทางที่สมบรูณ์แบบที่สุดในปัจจุบันนี้ ป๊าด!*
- + เอฟเฟกต์แจ่ม เรื่องราวคนผิวสีในสงครามโลกครั้งที่สองที่ไม่ค่อยจะมีหนังสร้างถึงนัก
- - การเล่าเรื่องยังธรรมดาไป หนังโดยรวมดูเชย ดูเก่าไปสักยี่สิบปีแล้วมั้ง
หนังเรื่องนี้เข้าฉายในไทยตอนไหนเหรอครับ?
ตอบลบเห็นว่าจะเข้าตั้งแต่ตอนต้นปี แต่ได้ฉายจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ครับ เพราะตามอินเตอร์เนตมีไฟล์จากแผ่นบลูเรย์ออกมาให้โหลดไปดูนานแล้ว :)
ตอบลบ