วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

Saw 3D (2010): เล่นเกมนี้มีแต่ตาย

Saw 3D (2010) :
และแล้วหนังชุด Saw เกมโหดอยู่หรือตาย(ส่วนใหญ่จะตายนะ)ก็เดินทางมาถึงภาคสุดท้ายซะแล้ว หลังจากที่อุตส่าห์แถกันมาได้กว่าหกภาค จนคนดูก็เริ่มจะเซ็งกันหมด ส่งผลให้รายได้ภาคที่แล้วต่ำสุดกว่าทุกภาคเลยทีเดียว(ได้ไม่ถึงร้อยล้าน) เล่นเอาจากเดิมที่ผู้สร้างวางแผนจะสร้างถึงภาคแปด(หรืออาจจะแถไปได้เรื่อยๆ) ก็เลยต้องรวบยอดเอาไอเดียมาโขลกรวมกันออกมาเป็นภาคเจ็ดนี้เสีย แถมขอมาในรูปแบบ 3D เพื่อไม่ให้ตกเทรนด์และยังเป็นการดึงดูดคอหนังใจซาดิสม์ที่อยากจะเห็นไส้อั่วตับหวานลอยทะลุจอหนังออกมาซะด้วยเลย


อ๊ะๆ อย่าทำตาเหลือกอย่างนั้นสิจ้ะ
ผกก.Kevin Greutert จากภาคก่อนขอกลับมาแก้มืออีกครั้ง ด้วยเรื่องราวของอดีตทายาท Jigsaw อย่าง Mark Hoffman (Costas Mandylor) ที่ดันรอดตายจากภาคที่แล้ว ซึ่งนอกจากจะต้องคอยหลบหนีการจับกุมของตำรวจแล้ว เขาก็ยังอุตส่าห์จับคนดวงกุดจำนวนหนึ่งมาเล่นเกมโหดอยู่หรือตายได้อีก แถมมีแผนการเอาคืนสุดบรรเจิดต่อคนที่เล่นงานเขาในครั้งก่อนเสียด้วยสิ ซึ่งคนที่เคยดูภาคที่แล้วมาก็คงจะรู้ว่าเรากำลังหมายถึงใครอยู่นะจ้ะ


แล้วนักร้องนำวงลิงกินผัก(Linkin Park)มาทำอะไรกับเขาด้วยล่ะเนี่ย?
หนังเริ่มต้นมาก็ดูแปลกๆ ซะแล้วเพราะมีการเล่นเกมอยู่หรือตายกันต่อหน้าต่อตาบรรดาฝรั่งมุงนับร้อยเลยด้วย(จากที่ผ่านๆ มามักจะไปเล่นกันในสถานที่ลับตาคน) แต่ก็ค่อยยังชั่วที่พอผ่านฉากนี้ไปหนังก็เริ่มเข้ารูปเข้ารอยเดิมที่แฟนหนังชุดนี้คุ้นเคยกันดี ไม่ว่าจะเป็นบรรดากับดักมรณะที่ครีเอทกันเต็มเหนี่ยวและฉากโหดๆ ชวนแหว่ะทั้งหลาย ก่อนจะปิดท้ายกันด้วยฉากหักมุมตามสไตล์ป๋า Jigsaw จอมวางแผนนั่นเอง

ภาคนี้มีฝรั่งมุง ตามมาดูซะด้วย
เพราะภาคนี้เป็นภาคสุดท้ายผู้สร้างเลยขอทิ้งทวนกันเต็มเหนี่ยวโดยอัดฉากกับดักมรณะและฉากแหว่ะมามากกว่าทุกๆ ภาค(ติดเรท NC-17 ที่สหราชอาณาจักรและออสเตรเลีย) แต่ทว่ามาถึงชั่วโมงนี้ถึงจะพยายามครีเอทกันยังไงมันก็รู้สึกเฉยๆ ไปซะแล้ว ดูแล้วไม่ค่อยมีลุ้นเลยเพราะดูกันมากี่ภาคๆ เราก็รู้กันอยู่ว่าเกมมรณะนี้ถูกออกแบบมาเพื่อไม่ให้ชนะ(ถ้าเล่นตามเกมของมัน) ปัญหาอีกอย่างคือหนังค่อนข้างชวนสับสนสำหรับเหล่าขาจรที่เพิ่งมาดูเพราะมีตัวละครและเรื่องราวที่คาบเกี่ยวกับภาคเก่าๆ ตลอด เมื่อมาเจอการหักมุมช่วงท้ายที่คาดเดาง่ายไม่เหวอเท่าภาคก่อนๆ ก็เลยทำให้หนังออกมางั้นๆ ไปในที่สุด

คนซ้ายหน้าคุ้นๆ มั้ย?
สำหรับแฟนเดนตายของหนังชุดนี้ก็คงจะพอใจกันได้อยู่ เพราะนอกจากจะมีฉากโหดและบรรดากับดักมรณะให้ดูกันเยอะแยะแล้ว ยังได้เห็นบรรดาตัวละครจากภาคก่อนๆ โผล่กันมาคนละนิดคนละหน่อยอีกด้วย ถ้านี่เป็นภาคสุดท้ายแล้วจริงๆ ล่ะก็ต้องถือว่ายังธรรมดาไปหน่อยมั้ย แต่เห็นว่าหนังทำรายได้ดีแบบนี้ มันก็ไม่แน่นะว่าอาจจะมีการแถภาคต่อมาได้อีกในอนาคต ซึ่งก็อย่างว่าล่ะเนอะ เงินทองมันไม่เข้าใครออกใคร ซึ่งแม้กระทั่งเจ้า Jigsaw เองก็ยังมิอาจต้านทานอำนาจของมันได้เลยล่ะเนอะ เหอๆ
  • น่าดูเพราะ: Saw ภาคสุดท้ายในแบบ 3D เสียด้วย อืมม น่าสนใจ แฟนๆ เขาไม่พลาดอยู่แล้วเนอะ
  • ไม่น่าดูเพราะ: ค่อนข้างธรรมดาไปสำหรับการเป็นภาคสุดท้ายของหนังชุดนี้ และก็นะ ไส้อั่วทะลุจอออกมาเนี่ยนะ มันน่าดูตรงไหนเนี่ย?





*ช่วงรู้มั้ยเอ่ย? (แล้วจะรู้ไปทำไมเนี่ย...)*

  • เป็นภาคต่อของ Saw ตอนแรกแรกที่ชื่อหนังไม่ใช้เลขโรมันต่อท้าย
  • อิตา Chester Bennington (นักร้องนำวง Linkin Park) มาเล่นเป็นหนึ่งในเหยื่อของเกมมรณะด้วย
  • ต้องตัดต่อหนังใหม่ถึง 6 ครั้งเพื่อให้หนังได้เรท R ซึ่งจากแรกเริ่มเดิมทีที่หนังได้เรท NC-17 (ห้ามผู้อายุต่ำกว่า 17 เข้าชม)เลยเชียว
  • ภาคนี้ใช้ทุนสร้าง 17 ล้านซึ่งเยอะที่สุดในบรรดาหนังทุกภาค (ที่ล้วนใช้ทุนสร้างไม่เกิน 11 ล้านเหรียญเท่านั้น) เนื่องด้วยภาคนี้ต้องทำเป็น 3D
  • แค่ฉากตอนต้นเรื่องฉากเดียวก็ใช้ตัวประกอบถึง 400 คนเชียวนะ(จะรู้ไปทำไมเนี่ย?)
  • นี่เป็นภาคแรกที่ไปถ่ายทำฉากกับดักมรณะนอกโรงถ่ายกัน(แค่ฉากเดียวนะ)
  • เดิมที David Hackl ที่กำกับ Saw V (2008) จะมาทำภาคนี้ แต่เจ้าของหนังกลัวหนังจะเจ๊งอีก เลยดึงตัวผกก.Kevin Greutert ที่เคยเป็นมือตัดต่อให้หนังชุดนี้ตั้งแต่ภาค 2 มากำกับอีก ทั้งๆ ที่เขากำลังจะได้กำกับ Paranormal Activity 2 (2010)อยู่แล้วเชียว
  • และที่น่าสนใจคือ Saw 3D ดันออกฉายวันเดียวกันกับ Paranormal Activity 2 ซะด้วยสิ
  • ภาคนี้มีกับดับมรณะ 11 อย่างด้วยกัน ซึ่งถือว่ามีมากกว่าทุกๆ ภาคที่ผ่านมาเชียว

*ข้อมูลจาก IMDB จ้า*


*ช่วงเพลงจากหนัง*

วงญี่ปุ่น Dir En Grey ก็มีเพลงในหนังด้วย

ไม่มีเพลงแนวไหนจะเหมาะกับหนังสยองขวัญเท่ากับเพลงแนวฮาร์ดร็อค/เมทัลอีกแล้ว และหนังชุด Saw นี้เองก็มีอัลบั้มซาวน์แทร็คที่บรรจุแต่เพลงแนวนี้มาตั้งแต่สมัยภาคแรกแล้ว แม้ว่าหลายเพลงในอัลบั้มจะไม่ได้อยู่ในตัวหนังเลยก็ตามที แต่เพื่อป้องกันไม่ให้คนครหาว่าบริษัทแผ่นเสียงกะออกอัลบั้มรวมเพลงมาขายโดยใช้หนังบังหน้า พวกเขาก็หาข้อแก้ตัวไว้เรียบร้อยแล้วบนปกอัลบั้มที่บอกไว้ว่า 'Music Inspired by the Motion Picture'ซะเลย(อ่ะจ่ะ อินก็อิน)

และมาในซาวน์แทร็คภาคนี้ก็ยังคงอัดแน่นด้วยเพลงฮาร์ดร็อคจากวงระดับดิวิชั่นสองมากมาย
ซึ่งที่พอจะเป็นที่รู้จักหน่อยก็คือวงอย่าง Lordi, Saliva, Dead By Sunrise แต่ดูเหมือนผู้สร้างจะชอบวงจากญี่ปุ่นอยู่พอสมควร เพราะก็มีเพลงของวงฮาร์ดร็อคจากญี่ปุ่นมาร่วมแจมในอัลบั้มอีกแล้ว(กับเพลง IV ของ X Japan ในภาค 4) โดยคราวนี้ถึงคิวของวง Dir En Grey กับเพลง Hageshisa to, Kono Mune no Naka de Karamitsuita Shakunetsu no Yami (ชื่อยาวจริง)ที่ใช้ในช่วงเอนด์เครดิตของหนัง ว่าแล้วเราก็ไปฟังกันเลยจ้า







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น