หนังมาในแบบขาวดำที่ยังอาร์ตได้อยู่
หนังเล่าเรื่องราวชีวิตของคุณ Curtis ในช่วงระหว่างปี ค.ศ.1973-1980 นับตั้งแต่สมัยที่เขายังเรียน ม.ปลาย และตัดสินใจแต่งงานทันทีที่เรียนจบ ก่อนจะเข้าร่วมวงดนตรี ไต่เต้าบนถนนสายดนตรีจนกระทั่งประสบความสำเร็จ โดยหนังจะเน้นไปที่ปัญหาชีวิตด้านความรักและด้านสุขภาพของเขามากเป็นพิเศษ ซึ่งดูเหมือนสิ่งเหล่านี้ต่างก็ถาโถมเข้ากดดันจนส่งผลให้เขาตัดสินใจจบชีวิตตนเองลงด้วยวัยเพียง 23 ขวบเท่านั้น ซึ่งตอนนั้นทางวงกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นสุดๆ เสียด้วยสิ
รักสองต้องห้าม(ถ้าเคลียร์ไม่ลงตัว)
ผกก.Anton Corbijn (The American [2010]) ผู้คลุกคลีในสายมิวสิควีดีโอมากว่า 15 ปี เปิดตัวผลงานหนังยาวเรื่องแรกของเขานี้ได้อย่างถึงคุณภาพ ด้วยการเลือกทำหนังที่เกี่ยวกับวงดนตรี(เกี่ยวกับเพลง งานถนัดเขาเลยล่ะ) ทำภาพเป็นขาวดำซึ่งให้อารมณ์ย้อนยุค(ถ่ายทำเป็นหนังสีแล้วค่อยมาแปลงเป็นขาวดำอีกที) ถึงกระนั้นหนังก็ไม่ได้กะเท่โชว์ออฟเทคนิคหวือหวาทางภาพหรือการตัดต่อใดๆ ให้ดูแนวจ๋าทั้งสิ้น หนังเล่าเรื่องแบบเป็นขั้นเป็นตอนดูไม่ยาก แต่ก็เข้มข้นและมีพลังพอที่จะสะกดคนดูให้จดจ่อไปกับหนังได้ตั้งแต่ต้นจนจบเลยทีเดียว
เต็มไปด้วยนักแสดงคุ้นหน้าทั้งนั้น
ด้านนักแสดงก็มีที่คุ้นหน้าคุ้นตากันหลายคน ซึ่งก็ทำหน้าที่กันได้ดีทั้งนั้น โดยเฉพาะสี่คนที่มาเล่นเป็นเหล่าสมาชิกของวงก็หัดเล่นหัดร้องกันได้เหมือนวงตัวซะจริงๆ ไม่ต้องเปิดเพลงลิปซิงก์แต่ประการใด แต่ที่โดดเด่นที่สุดคงไม่พ้นคุณ Sam Riley ที่รับบทคุณ Curtis ได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าสีหน้าท่าทาง ลีลาการแสดงที่โคตรจะคล้ายคลึงตัวจริงมากๆ และคุณ Samantha Morton (Minority Report [2002]) ที่ฝีมือหายห่วงได้เลยในบทภรรยาของ Curtis ซึ่งแต่งงานกันซะตั้งแต่เรียนจบเปรียบเทียบตัวปลอม(ซ้าย)และตัวจริง
อย่างที่บอกว่าหนังเน้นไปที่ปัญหาชีวิตส่วนตัวของ Curtis ซะเป็นส่วนใหญ่ โดยไม่ได้ให้รายละเอียดถึงการพยายามไต่เต้าสู่ความสำเร็จของทางวงมากเท่าไหร่ เลยรู้สึกว่าพวกเขาไม่ต้องใช้ความพยายามมากก็ดังซะแล้ว (ซึ่งก็อาจจะแย้งได้ว่า ก็พวกเขาเก่งเทพปานนี้เลยไม่ต้องพยายามอะไรมากก็ได้เนอะ) แต่หนังทำออกมาได้ขนาดนี้ก็ถือว่าแจ่มมากแล้ว เพราะสามารถทำให้คนรุ่นหลังได้ทำความรู้จักกับศิลปินในตำนานวงนี้มากขึ้น(และอาจจะชอบไปเลยทีเดียว) ส่วนแฟนเพลงรุ่นเก่าก็ยังได้ระลึกถึงวงที่พวกเขารักได้อีกด้วยเช่นกัน ขอคารวะให้หนึ่งจอกเลยจ้า กรึ๊บ! ปล.ชื่อหนังมาจากเพลง 'She's Lost Control' ของวง ซึ่งจะว่าไปแล้วการที่หนังพูดถึงการควบคุมชีวิตของตนไม่ได้ของ Curtis นั้น ก็ทำให้เพลงที่เขาแต่งขึ้นมานี้หมายถึงตัวเขาเองแบบตรงๆ จนถ้าจะเปลี่ยนชื่อเพลงเป็น 'He's Lost Control' ก็ไม่น่าเกลียดแต่ประการใด
- น่าดูเพราะ: ใครชอบดูหนังชีวิตคนดังหรืออยากทำความรู้จักกับวงในตำนานอย่าง Joy Division ล่ะก็เร่เข้ามาเลยจ้า
- ไม่น่าดูเพราะ: คงจะเป็นหนังเฉพาะกลุ่มที่หาดูยาก กับเรื่องราวของวงที่หลายคนได้ยินก็ต้องเกาหัวพร้อมกับพึมพำว่า 'จอยไหนฟะเนี่ย ไม่เห็นรู้จัก?' และอาจมองข้ามหนังไปอย่างน่าเสียดาย
*อันเนื่องมาจากหนัง*
เหล่าสมาชิกวง Joy Division (Curtis คือคนโย่งสุด)
สำหรับหลายคนที่เกิดไม่ทันวงนี้ หรือเกิดทันแต่ก็ยังไม่รู้จักอยู่ดีนั้น ทางบล็อกก็ขอนำประวัติย่อๆ และบางเพลงของทางวงมาฝากกัน ณ ที่นี้เลยจ้า
วงจาก แมนเชสเตอร์ อังกฤษ วงนี้ประกอบด้วย Ian Curtis (ร้องนำ/กีต้าร์), Bernard Summer (กีต้าร์/คีย์บอร์ด), Peter Hook (เบส/ร้องประสาน) และ Stephen Morris (กลอง/เพอร์คัสชั่น) พวกเขารวมตัวกันในปี 1976 (ซึ่งเป็นยุคที่เพลงพั้งค์ครองเมือง) ตั้งวงร็อคชื่อ 'Warsaw' (มาจากชื่อเพลง'Warszawa'ของ David Bowie ที่ Curtis ชื่นชอบ) ก่อนจะเปลี่ยนชื่อวงมาเป็น 'Joy Division' ในต้นปี 1978 เพราะชื่อวงเดิมดันไปคล้ายกับชื่อวงพั้งค์วงหนึ่งเข้าพอดี
ในปีนั้นพวกเขาออกอีพีที่ชื่อ An Ideal for Living และเริ่มเป็นที่รู้จักจากแฟนเพลง สื่อดนตรีก็พากันจับตามอง จนในปีถัดมาก็ออกอัลบั้มชุดแรก Unknown Pleasures (1979) ซึ่งก็ส่งผลให้พวกเขาดังระเบิด ด้วยแนวเพลงโพสต์พั้งค์ ที่มีลีลาการแสดงสดอันเร้าใจ ในขณะที่เนื้อหาของเพลงกลับหม่นหมองหดหู่ โศกเศร้าโศกาชวนจิตตกยิ่งนัก จนหลายคนยกให้เป็นเจ้าพ่อกอธิคร็อคไปอีกวงหนึ่งเลยทีเดียว
ในปี 1980 หลังจากที่โหมทัวร์ยุโรปอย่างหนักและเตรียมตัวลุยอเมริกากันต่อ ทางวงก็เตรียมจะเข็นอัลบั้มชุดที่สองออกมา แต่ทางด้าน Curtis ที่มีปัญหาด้านสุขภาพ(เป็นโรคลมชัก) ทั้งยังมีปัญหาระหองระแหงกับภรรยามานาน ก็จิตตกหาทางออกไม่ได้ จนตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยการผูกคอตายในห้องครัวที่บ้านในวันที่ 18 พ.ค.1980 ในขณะที่มีอายุเพียง 23 ขวบเท่านั้น โดยทิ้งภรรยาและลูกน้อยไว้เบื้องหลัง(กับกิ๊กอีกหนึ่งคน)
การเสียชีวิตของเขาสร้างความช็อกแก่ทุกคนที่ทราบข่าวเป็นอันมาก ดังนั้นกว่าอัลบั้มชุดที่สองที่ชื่อ Closer จะออกวางแผงเลยต้องเลื่อนไปออกกันช่วงเดือน ก.ค.แทน ซึ่งก็ได้รับการยกย่องอย่างสูงให้เป็นอัลบั้มสุดคลาสสิคอีกชุดหนึ่งของวงการเพลง ส่วนสมาชิกที่เหลือทั้งสามคนของวงก็ไปไม่ถูกอยู่พักหนึ่งเลยเหมือนกัน ต่อมาพวกเขาจึงได้ตัดสินใจทิ้งชื่อของ Joy Division ไว้เบื้องหลังแล้วฟอร์มวงใหม่ที่ชื่อ New Order ขึ้นมาและทำเพลงแนวอิเลคโทรนิคป็อปจนประสบความสำเร็จมาได้ด้วยดีจนทุกวันนี้
ลีลาการแสดงสดของทางวง
ส่วนชื่อของ Ian Curtis และ Joy Division ก็ยังคงถูกจดจำในฐานะบุคคลและวงร็อคในตำนานของวงการเพลงโลก ที่ถึงจะมีผลงานออกมาได้เพียงแค่สองอัลบั้ม แต่ก็ได้รับการยกย่องจากคอเพลงที่เคยฟังผลงานเพลงของพวกเขาอย่างสูงเสมอมา ผลงานของทางวงไม่มีคำว่าเชย และจะยังคงอยู่ในใจของคนรุ่นหลังต่อๆ ไปเป็นนิตย์เอย
MP3: Joy Division - Transmission
MP3: Joy Division - Dead Souls
MP3: Joy Division - Love Will Tear Us Apart
MP3: Joy Division - She's Lost Control
MP3: Joy Division - Dead Souls
MP3: Joy Division - Love Will Tear Us Apart
MP3: Joy Division - She's Lost Control
*คัดข้อมูลบางส่วนมาจาก wikipedia*
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น