วันพุธที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2553

The Pacific (2010): มหาสงครามถล่มพี่ยุ่น

The Pacific (2010) :
แฟนๆ มินิซีรี่ส์เรื่อง Band of Brothers (2001) คงได้เฮกันยกใหญ่ เมื่อทางผู้สร้างที่นำโดย Steven Spielberg และ Tom Hanks ได้จับมือกับช่อง HBO สร้างมินิซีรี่ส์ความยาว 10 ตอนจบที่เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่สองอีกครั้ง โดยคราวนี้จะเสนอเรื่องราวของเหล่าทหารนาวิกโยธินมะกันที่ต้องไปปะฉะดะกับทหารญี่ปุ่นในทวีปเอเซีย ตั้งแต่ ออสเตรเลีย ไปยัน โอกินาว่า กันบ้างล่ะ


เหล่าพระเอกของซีรี่ส์ชุดนี้
มินิซีรี่ย์สยังคงรักษาเอกลักษณ์เดิมๆ ไว้ได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นภาพการสัมภาษณ์เหล่าทหารผ่านศึกในช่วงแรกของแต่ละตอน เสียงบรรยายที่ให้เสียงโดย Tom Hanks และการใช้ ผกก.หลายๆ คนมากำกับคนละตอนสองตอน (ซึ่งในนั้นมีเพียง Tony To และ David Nutter ที่ได้กลับมากำกับอีกครั้ง) ส่วนความอลังการงานสร้างยังแจ่มได้เช่นเดิม เพราะลงทุนกันถึง 150 ล้านเหรียญ (ขณะที่ Band of Brothers ใช้ทุนสร้าง 125 ล้าน) ฉากแอ็คชั่นก็ดุเดือดชวนให้อะดรีนาลีนพลุ่งพล่านเสียเหลือเกิน


ยังบู๊กันกระหน่ำเช่นเดิม
สิ่งที่แตกต่างจาก Band of Brothers (ต่อไปจะขอเรียกย่อๆ ว่า BoB) อย่างเห็นได้ชัดก็มีดังต่อไปนี้
  • ซีรี่ส์ชุดนี้มีโทนภาพที่มีสีสันดูสว่างเจิดจ้ากว่า เพราะว่าสมรภูมิเป็นเขตร้อนในทวีปเอเซีย ในขณะที่ BoB โทนสีออกแนวซีดๆ และชวนให้นึกถึง Saving Private Ryan (1998) อย่างแรง
  • สภาพของเหล่าทหาร น.ย.ในซีรี่ส์นี้ออกแนวมอมแมมซกมก มอซอ กว่าเหล่าทหารพลร่มใน BoB เยอะ เพราะสมรภูมิอยู่ในเขตร้อนชื้น ที่มีฝนตกเกือบตลอดเวลา ทำให้สภาพแวดล้อมเฉอะแฉะเต็มไปด้วยขี้โคลน เหล่า น.ย.จึงดูเท่น้อยกว่าทหารที่ไปรบในยุโรปแยะ
  • ซีรี่ส์นี้เน้นดราม่านอกสนามรบหรือในแนวหลังมากกว่าที่มีใน BoB จึงเป็นทั้งจุดแข็งที่ทำให้ดูมีชีวิตจิตใจมากกว่าจะเน้นฆ่าฟันกันให้ดู ในขณะเดียวกันก็กลายเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ซีรี่ส์มีฉากรบพุ่งให้ดูน้อยลงกว่า BoB แยะจนหลายคนอาจจะติงว่าไม่มันส์เท่าเอาได้
  • ซี่รี่ส์โฟกัสไปที่เรื่องราวของทหารสามนาย ทำให้เรื่องราวกระจัดกระจายไปคนละตอนสองตอน ซึ่งแตกต่างจากใน BoB ที่เน้นไปยังตัวละครหลักเกือบตลอดสิบตอนเลย แต่เพื่อความครอบคลุมของเนื้อหาโดยรวมก็ถือว่าหยวนๆ ละกัน


จากนาซีมาเจอทหารญี่ปุ่นกันบ้าง
และที่จะลืมไม่ได้เลยคือดนตรีประกอบจาก Han Zimmer ที่แท็คทีมมากับ Geoff Zanelli และ Blake Neely ซึ่งยังคงออกมายอดเยี่ยมไม่แพ้ผลงานของ Michael Kamen ผู้ล่วงลับจากซีรี่ส์ BoB เลยทีเดียว โดยรวมแล้วซีรี่ส์ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมทีเดียว ให้แง่คิด ดูเอาสนุกก็ได้ และยังได้ความรู้ทางประวัติศาสตร์อีก แฟนๆ หนังสงคราม หรือแฟนๆ ซีรี่ย์ BoB คงจะไม่ผิดหวังกันแน่เชียว

ทหารซีรี่ส์ชุดนี้ออกแนวซกมกกว่าชุดที่แล้ว
ในซีรี่ส์มีฉากหนึ่งที่เหล่าตัวละครที่รอดชีวิตกลับมาจากสนามรบ รำพึงให้กันฟังว่า "ทำไมพวกเราถึงรอดมาได้ ในขณะที่อีกหลายๆ คนไม่สามารถรอดกลับมา?" ซึ่งระหว่างที่ดูซีรีส์นี้หรืออาจจะรวมถึงหนังสงครามทุกเรื่องก็ทำให้เราคิดได้ว่า ในสนามรบแล้ว ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร เก่งกล้ามาจากไหน ก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่รับประกันว่าคุณจะรอดตายเสมอไป เพราะการที่ใครจะตายหรือไม่ตายในสนามรบนั้นมันนอกเหนือจากการควบคุมของเราแล้ว จนอาจจะพูดไปเลยก็ได้ว่า "ถ้าเราจะตาย เราก็ตาย แต่ถ้าเราจะไม่ตาย ยังไงๆ เราก็ไม่ตาย" นี่แหล่ะคือความจริงง่ายๆ ที่เราไม่อาจปฏิเสธได้ครับพี่น้อง
  • น่าดูเพราะ: เป็นซีรี่ส์สงครามโลกครั้งที่สองที่ยอดเยี่ยม แฟนๆ หนังสงครามหรือแฟนซีรี่ส์ BoB ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
  • ไม่น่าดูเพราะ: บู๊น้อยกว่า BoB และมีความยาวทั้งหมด 10 ตอน จึงไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่ชอบหนังสงครามและผู้ที่ไม่ชอบดูอะไรยาวๆ เด้อ




*ย้อนรอยซีรี่ส์ดัง*

Band of Brothers (2001) :
ด้วยความสำเร็จมหาศาลของ Saving Private Ryan (1998) Steven Spielberg และ Tom Hanks เลยขอทำมินิซีรี่ย์ 10 ตอนจบ ที่เล่าเกี่ยวกับการรบในยุโรปของทหารอเมริกาในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง โดยโฟกัสไปยังมิตรภาพระหว่างพี่น้องร่วมรบใน Easy Company ซึ่งเป็นกองร้อยที่ 5 ใน กองพันพลร่มที่ 506 ของกองพลส่งทางอากาศที่ 101 แห่งกองทัพบกสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่โดดร่มลงไปในฝรั่งเศสไปยันบุกถึงเยอรมันเลยทีเดียว


นี่คือซีรี่ย์สงครามคลาสสิคที่ไม่ควรพลาด
ซีรี่ย์สร้างได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถให้อารมณ์ราวกับว่ากำลังได้ดู Saving Private Ryan ความยาว 10 ช.ม.อยู่ก็ไม่ปาน โดยมีเหล่า ผกก.ชื่อดังผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมากำกับคนละตอนสองตอน (Tom Hanks ก็ยังขอกำกับอยู่หนึ่งตอนด้วย) สำหรับภาพรวมแล้วถือได้ว่านี่เป็นมินิซีรี่ย์สงครามที่ยอดเยี่ยมมากที่สุดเรื่องหนึ่ง ซึ่งตัวมินิซีรี่ย์ได้รับรางวัลเอ็มมี่, ลูกโลกทองคำ และอีกมากมาย ปัจจุบันยอดขายดีวีดี บลูเรย์ของซีรี่ย์ยังขายดีติดอันดับต้นๆ แม้แต่เหล่าเกมสงครามต่างๆ ก็ยังลอกไอเดียฉากรบในซีรี่ย์ไปใช้ในเกมกันให้เกร่อ ซึ่งคงจะพิสูจน์ถึงความยอดเยี่ยมของซีรี่ย์ชุดนี้ได้เป็นอย่างดี


เต็มไปด้วยเหล่าดารา(หนุ่ม)คุณภาพ





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น