วันอังคารที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2553

The Descent: Part 2 (2009): สยองขวัญสไตล์เฟมินิสต์(ยกที่2)

The Descent: Part 2 (2009) :
ภาคแรกที่ออกฉายเมื่อปี 2005 ถือเป็นหนังสยองขวัญพลังหญิงลุยเหล่าอสูรกายที่เข้าท่า และก็เป็นที่เลื่องลือในแวดวงคอหนังสยองอย่างยิ่ง จนส่งผลให้ ผกก.Neil Marshall ได้ทำหนังที่ใหญ่ขึ้นอย่าง Doomsday (2008) และแล้วก็เป็นไปตามธรรมเนียมที่หนังสยองดังๆ ย่อมต้องถูกสร้างภาคต่อออกมาดูดเงินแฟนๆ เข้ากระเป๋าผู้สร้างอีกโดยไม่สนใจล่ะว่าภาคแรกจะจบยังไงมา ซึ่งคราวนี้ตัวคุณ Marshall ก็ขอหลบฉากไปทำหน้าที่ Executive producer โดยปล่อยหน้าที่กำกับให้ตกเป็นของ Jon Harris มือตัดต่อจากภาคแรกที่เคยตัดต่อให้กับหนังอังกฤษดังๆ มาแล้วเพียบ อาทิ Stardust (2007), Layer Cake (2004), Snatch (2000) เป็นต้น

ภาคนี้มีผู้ชายมาเป็นเหยื่อตั้งหลายคนแน่ะ
ภาคนี้เล่าเรื่องทิ้งช่วงจากเหตุการณ์ในภาคแรกสองวัน โดย Sarah (กลับมารับบทเดิมอีกครั้งโดย Shauna Macdonald) สามารถออกจากถ้ำนรกมาได้สำเร็จ และก็ถูกนำตัวส่ง รพ. แต่เธอก็ช็อคอย่างหนักจนจำความอะไรเกี่ยวกับในถ้ำไม่ได้เลย นายอำเภอจึงบังคับให้เธอลงไปกับทีมช่วยเหลือเพื่อตามหาคนอื่นๆ ในถ้ำอีกครั้ง เผื่อว่าจะจำอะไรที่มีประโยชน์แก่ทีมช่วยเหลือขึ้นมาได้บ้าง ทางเธอก็ต้องลงไปแบบเอ๋อๆ ซึ่งกว่าจะเริ่มจำความได้ มันก็อาจสายเกินไปทีจะถอยหลังกลับซะแล้ว งานนี้เธอกับทีมช่วยเหลือดวงซวย เลยต้องหนีตายจากเหล่าอสูรกายตาบอดจอมกระหายเลือดกันชนิดสะบักสะบอมเพื่อหาทางเอาตัวรอดออกมาจากถ้ำให้ได้


ตัวละครจากภาคแรกยังโผล่กันมาอย่างครึกครื้น
จากภาคแรกที่จบได้แหล่มอยู่แล้ว ผู้สร้างก็อุตส่าห์แถหาเรื่องให้กลับเข้าไปในถ้ำอีกจนได้ ซึ่งเหล่าตัวละครหน้าใหม่ในภาคนี้แต่ละคนก็มากันอย่างฉาบฉวย (ภาคนี้มีผู้ชายมาด้วยตั้งสามคนแน่ะ) ไม่สามารถทำให้คนดูรู้สึกเอาใจช่วยได้เหมือนในคราวภาคแรก ยังดีหน่อยที่ตัวละครจากภาคแรกยังเข้าท่าได้อยู่(ซึ่งบอกได้เลยว่าไม่ได้มีแค่ Sarah เท่านั้นที่กลับมา) ภาคนี้มีฉากแหว่ะเลือดพุ่งมากขึ้นกว่าภาคแรก แต่บรรยากาศน่ากลัวกลับสู้ภาคแรกไม่ได้เลย แถมยังคาดเดาเรื่องราวได้ตลอดซะด้วยสิ ยังไงซะก็ยังถือว่าเป็นภาคต่อที่ทำได้อย่างน่าพอใจในระดับหนึ่ง ดูได้เพลินๆ ไม่ต้องคิดมาก และถือว่าดีกว่าหนังสยองขวัญภาคต่อทั่วๆ ไปอยู่นะ จะบอกให้

สภาพแต่ละคนสะบักสะบอมซะจริง
ในภาคนี้ก็ยังคงความเฟมินิสต์อยู่อย่างครบถ้วน เพราะเต็มไปด้วยหญิงเก่งที่ไม่ต้องพึ่งผู้ชาย ในขณะที่เหล่าผู้ชายก็ซื่อบื้อกันได้ใจและต้องเป็นฝ่ายพึ่งผู้หญิงซะอีก ที่น่าสังเกตอีกอย่างคือเหล่าอสูรกายในภาคนี้เหมือนจะมีแต่ตัวผู้นะ(ตัวเมียโผล่มาตัวเดียว) เลยยิ่งรู้สึกเฟมินิสต์หนักเข้าไปอีก(หรือเราจะคิดมากไปหรือเปล่าเนี่ย?) จะยังไงซะก็เตรียมตัวสยองขวัญสไตล์เฟมินิสต์กันต่อในภาคสามที่จะมีสร้างออกมาแน่นอนจ้า

  • น่าดูเพราะ: ทำได้ไม่เลวสำหรับหนังภาคต่อ ที่ถึงแม้จะสู้ภาคแรกไม่ได้อยู่แล้ว แต่ก็มีดีอยู่พอตัวในระดับดูได้เพลินๆ
  • ไม่น่าดูเพราะ: คนที่เห็นว่าภาคแรกจบสมบรูณ์แล้วมาเจอภาคนี้อาจขัดใจที่ผู้สร้างแถเรื่องราวต่อไปอีกแถมทำด้อยกว่าภาคแรกในทุกด้านซะด้วยสิ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น