Didier และ Elise ตกหลุมรักซึ่งกันและกันตั้งแต่แรกพบ เขาคือนักดนตรีคันทรี่แนวบลูกราสผู้โรแมนติกแต่ไม่เชื่อในศาสนา เธอคือช่างสักผู้มองโลกในความเป็นจริงแต่ก็มีศรัทธาในพระเจ้า เขาพูด เธอฟัง แม้ว่าพวกเขาจะแตกต่างกันหลายอย่าง แต่ก็เหมือนแม่เหล็กต่างขั้วที่ยิ่งดึงดูดกันและกัน จนในที่สุดทั้งคู่ก็ตัดสินใจแต่งงานกัน และมีพยานรักเป็นลูกสาวน่ารักคนหนึ่ง ซึ่งทุกอย่างดูเหมือนจะแฮปปี้ดีแทค จนกระทั่งเมื่อลูกสาววัย 6 ขวบของพวกเขาได้รับการวินิจฉัยว่ากำลังป่วยเป็นโรคมะเร็ง นั่นคือจุดเริ่มต้นของการพิสูจน์รักแท้ของพวกเขาที่มีต่อกัน ที่จะทำให้คุณผู้ชมต้องตราตรึงไปอีกนาน
Felix Van Groeningen ผกก.หนุ่มชาวเบลเยี่ยมกลับมาอีกครั้งหลังจากเคยทำให้เราประทับใจมาแล้วในหนังดราม่า/ตลก The Misfortunates (2009) ซึ่งมาคราวนี้เขามากับหนังดราม่า/ความรัก ที่มีมาครบทั้งความโรแมนติกและความรวดร้าว ปวดหน่วงๆ ที่หัวใจ ยิ่งหนังเล่าเรื่องแบบตัดสลับช่วงเวลาไปมา ยิ่งทำให้นึกถึง Blue Valentine (2010) เข้าไปใหญ่
ที่น่าสนใจคือหนังเลือกที่จะใช้ดนตรีแนวบลูกราสมาขับกล่อมอารมณ์ (เหมือนในต้นฉบับที่เป็นละครเวที) ซึ่งก็ดูแปลกหูแปลกตาดีสำหรับการที่เห็นคนเบลเยี่ยมมาร้องเล่นเพลงแนวคันทรี่ของคนมะกันแบบนี้ แต่พวกเขาก็ทำหน้าที่ได้ดีและมันก็ออกมาสนุกสนานเศร้าซึ้งมากพอที่จะส่งอารมณ์หนังได้ในยามที่ต้องการ และต้องทำให้บางคนหันมามองเพลงแนวนี้ใหม่อีกครั้งด้วยความสนใจมากขึ้นเป็นแน่ (เช่นเราเป็นต้น)
หนังอาจจะมากับเรื่องราวบ้านๆ เล่าเรื่องแบบเรื่อยๆ ไม่มีหักมุมให้หงายเงิบ แต่ก็ตัดต่อสลับเหตุการณ์ไปมาอย่างสร้างสรรค์ ไม่ชวนงง ซ้ำยังส่งผลร้อยเรียงทางอารมณ์และเรื่องราวได้อย่างไม่มีสะดุด (ต้องชมเขาในเรื่องนี้เลย) ส่วนบรรดานักแสดงแม้จะหาคนหน้าตาหล่อสวยอย่างในหนังมะกันที่เราคุ้นเคยแทบไม่ได้ แต่ก็เล่นกันได้อย่างมีเสน่ห์ ร้องเล่นดนตรีกันได้ ซีนอารมณ์หนักๆ ก็ไม่หวั่น (ต้องชมเขาในเรื่องนี้ด้วย)
ที่อวยมาซะเยอะ ก็เพราะหนังเขาดีจริงๆ คอหนังสายดราม่าที่ไม่น้ำเน่าน่าจะพึงพอใจกันมิใช่น้อย ดูหนังมะกัน หนังกระแสเยอะๆ ก็เปลี่ยนบรรยากาศมาดูหนังยุโรปกันบ้างก็ดีเหมือนกันนะ
หนังดีน่าดูแบบนี้ให้ไปเลย 8/10 ครับ
*ช่วงเพลงในหนัง*
*รีวิวหนังของ ผกก. และหนังเรื่องๆ ที่เกี่ยวข้องภายในบล็อก*
ส่วนที่น่าชื่นชมอีกอย่างของหนังคือดนตรีประกอบ ที่หนังใช้ดนตรีแนวบลูกราสซึ่งเป็นแนวเพลงพื้นบ้านของชาวมะกัน ซึ่งจะเห็นได้ว่าผู้สร้างได้เลือกนักแสดงที่สามารถร้องเล่นดนตรีได้จริงมา (คนที่เล่นเป็นพระเอกเป็นคนเขียนบทของหนังอีกด้วย) ลองดูฉากร้องเล่นเพลงนี้ในหนังดูสิ นอกจากจะเพราะพริ้งแล้ว ยังส่งผลทางอารมณ์ต่อเรื่องราวของหนังได้อีกด้วย
*รีวิวหนังของ ผกก. และหนังเรื่องๆ ที่เกี่ยวข้องภายในบล็อก*
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น