วันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Man of Steel (2013): ซูเปอร์แมนมา(อีก)แว้ว



Man of Steel (2013): ซูเปอร์แมนมา(อีก)แว้ว

     เมื่อวานดูรอบแรกในแบบ IMAX ในตอนที่สภาพร่างกายไม่ค่อยจะพร้อม (เหนื่อย) ผลก็เลยดูหนังเรื่องนี้ไม่ค่อยสนุกซะงั้น ทั้งๆ ที่ระบบภาพและเสียงเขาออกจะสุดยอดซะ (เสียงกระหึ่มซะจนปวดหูในบางฉาก) ว่าแล้วก็เลยต้องไปพิสูจน์อีกครั้งที่บิ๊กซีแถวบ้าน ถึงระบบภาพ/เสียงจะง่อยกว่ากันเยอะ แต่เนื่องด้วยสภาวะร่างกายและจิตใจที่พร้อมสุดขีด ดูรอบนี้เลยได้สัมผัสพลังอันแท้จริงของซูเปอร์แมนเวอร์ชั่นสามประสานของ Zack Snyder, Christopher Nolan และ David S.Goyer ในที่สุด (จะดูหนังให้สนุก ใจและกายต้องพร้อมด้วยเน้อ)

     อันตัวหนังนั้นหลายท่านคงได้ไปพิสูจน์กันแล้ว ซึ่งบ้างก็ว่าสนุกมากสนุกน้อยว่ากันไปตามรสนิยมของใครของมัน แต่คงไม่มีใครที่คิดว่าหนังห่วยแน่นอน ด้านดราม่ากับเรื่องราวอันเข้มข้นบ่งบอกถึงตัวตนของ Nolan กับ Goyer อยู่บ้าง แต่สำหรับแอ็คชั่น ความมันส์นั้น Snyder เฮียขอจัดเต็ม ซึ่งเราก็ว่ามันพอเหมาะพอดีทั้งสองด้านนะ แม้ว่าช่วงหลังมันจะดูแบ่งโทนกันอย่างกับหน้ามือกับหลังตีนไปบ้างก็ตาม แต่ก็ถือว่าชนะเลิศทั้งคู่

     ซีนดราม่า อารมณ์ ที่เน้นให้เห็นเรื่องราวความเป็นมาของพระเอกนั้นทำได้น่าประทับใจ ซึ่งเขาเน้นซะจนแทบไม่มีเวลามาเน้นเรื่องราวความรักของพระนางเท่าไหร่ พอรู้ตัวอีกทีพวกตัวโกงก็มาชวนบู๊ซะแล้ว (ภาคต่ออาจมีเวลาจู๋จี๋กันมากขึ้น)

     ส่วนฉากบู๊ที่บู๊กันแหลกนั้นก็คงจะถูกใจแฟนๆ ซึ่งบางคนอาจจะบอกว่าเหมือนดราก้อนบอลซะ ซึ่งนั่นก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก และคงฟันธงลงไปไม่ได้ว่าใครเลียนแบบใคร แต่น่าจะออกแนวต่างฝ่ายต่างได้รับอิทธิพลจากกันและกันมากกว่า เพราะถ้าจะย้อนไปดูจริงๆ แล้ว อ.โทริยาม่า อากิระ แกก็ปลื้มซูเปอร์แมนมาช้านานแล้ว จนถึงกับสร้างคาแร็คเตอร์ 'ซูเปอร์แมนอมบ๊วยเค็ม' ในการ์ตูน 'ดร.สลัมป์กับหนูน้อยอาราเล่' ของแก (ใครแก่พอที่จะจำได้บ้าง?) มาแล้ว ส่วน ผกก.Snyder เองแกก็คงได้รับอิทธิพลจากการ์ตูนญี่ปุ่นมาบ้างแหล่ะ เพราะดูจาก Sucker Punch (2011) ก็รู้ว่าแกบ้าการ์ตูนญี่ปุ่นอยู่พอสมควร

     ด้านดนตรีถึง Hans Zimmer จะตัดสินใจโละทิ้งธีมเดิมอันเป็นที่จดจำของคนทั้งโลกไป และไม่สามารถสร้างธีมใหม่ให้คลาสสิกขนาดนั้นได้ แถมยังจะติดกลิ่นงานเดิมๆ ของตนมาด้วย แต่งานสกอร์ของเขาก็ยังมีความไพเราะ ขลัง อลังการ มีคุณภาพ ส่งเสริมอารมณ์ของหนังได้อย่างดีเยี่ยมไม่เสียชื่อ

     อีกสิ่งที่แทรกเข้ามานั่นก็คือการเป็นอเมริกันแท้ของซุเปอร์แมน ไม่ว่าการจะแทรกภาพธงชาติ การยอมรับอย่างหน้าชื่นว่าข้าเป็นอเมริกันชนเต็มขั้น หรือแม้แต่การเปรียบเปรยซูเปอร์แมนกับพระเยซู ด้วยอะไรที่พ้องกันเช่น ถูกส่งลงมายังโลกเพื่อมาเปลี่ยนแปลงโลกช่วยเหลือผู้คน, มีพ่อแม่บุญธรรมที่เป็นคนธรรมดาสามัญ, ออกค้นหาตัวเองจนพบและเริ่มปฏิบัติภารกิจเมื่ออายุ 30 ต้นๆ และที่จะๆ คือภาพของเขาไปนั่งปรับทุกข์กับบาทหลวงในโบสถ์ ด้วยการแบ่งครึ่งเฟรมระหว่างเขากับกระจกสีภาพพระเยซู ฯลฯ




แฟนซูเปอร์แมน/ดีซี หรือแม้แต่ขาจรทั่วไปคงจะปลื้มกับหนังเรื่องนี้กันถ้วนหน้า เพราะทำออกมาได้อย่างสมศักดิ์ศรี สนุก ครบทุกอารมณ์ (ยกเว้นอารมณ์ขันที่มีมาน้อยไม่เหมือนฮีโร่ฝั่งมาร์เวล) ดูรอบสองสนุกกว่าเดิมเห็นๆ ให้ไปเลย 8/10 เลยครับ






*รีวิวหนังเรื่องอื่นๆ ของ ผกก.Zack Snyder ภายในบล็อก*


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น