Win Win (2011) :
เฮีย Paul Giamatti เป็นนักแสดงในกลุ่ม 'หน้าไม่หล่อแต่เร้าใจ' (ตรงไหน?) มือวางอันดับต้นๆ ของวงการหนังฮอลลีวู้ดยุคนี้เลยก็ว่าได้ เพราะด้วยลีลาการแสดงอันอร่อยเหาะแซ่บหลายของแก เลยมีคอหนังคอยชื่นชมซูฮกอยู่มากมาย ซึ่งหลายปีมานี้เฮียแกก็มีผลงานเด็ดๆ ออกมาอย่างสม่ำเสมอ แม้ว่าส่วนใหญ่แกจะมาในฐานะนักแสดงสมทบก็ตามที แต่ขอโทษ ถึงจะเป็นตัวประกอบแต่ก็เป็นตัวประกอบไฮโซนะขอบอก (อ่ะจร้า พ่อคุ๊ณณ)
เฮีย Paul Giamatti เป็นนักแสดงในกลุ่ม 'หน้าไม่หล่อแต่เร้าใจ' (ตรงไหน?) มือวางอันดับต้นๆ ของวงการหนังฮอลลีวู้ดยุคนี้เลยก็ว่าได้ เพราะด้วยลีลาการแสดงอันอร่อยเหาะแซ่บหลายของแก เลยมีคอหนังคอยชื่นชมซูฮกอยู่มากมาย ซึ่งหลายปีมานี้เฮียแกก็มีผลงานเด็ดๆ ออกมาอย่างสม่ำเสมอ แม้ว่าส่วนใหญ่แกจะมาในฐานะนักแสดงสมทบก็ตามที แต่ขอโทษ ถึงจะเป็นตัวประกอบแต่ก็เป็นตัวประกอบไฮโซนะขอบอก (อ่ะจร้า พ่อคุ๊ณณ)
กี่เรื่องๆ ก็ยังมาด้วยผมทรงนี้
มาถึงหนังดราม่า/ตลก/กีฬาเรื่องนี้นั้น ก็ว่าด้วยเรื่องราวของ Mike (Giamatti) ทนายหน้ากลมตัวกลม ที่เปิดสำนักงานให้คำปรึกษาทางกฏหมายเล็กๆ ใน New Jersey และยังรับจ๊อบเป็นโค้ชทีมมวยปล้ำให้กับโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ซึ่งทั้งชีวิตส่วนตัวของเขาและผลงานของทีมนั้นก็อยู่ในภาวะห่วยเข้าวิน จนเล่นเอาเฮียหน้ามืดวิงเวียนศรีษะคล้ายจะเป็นลมทาถูๆ อยู่บ่อยๆ ดีนะที่ฟ้ายังเห็นใจ ประทานไอ้หนุ่มหัวทองผู้มีฝีปล้ำระดับพระกาฬนาม Kyle (Alex Shaffer) มาให้ อะไรๆ เลยเริ่มสดใสซาบซ่าขึ้นมาบ้าง แต่ก็เชื่อเถอะว่านี่แค่จุดเริ่มต้นของเรื่องวุ่นๆ ที่กำลังจะตามมาอีกเป็นคันรถ
หนุ่มน้อยหัวทองคนนี้ทำหน้าที่ได้ดีทีเดียว
ถึงนี่จะเป็นหนังเล็กๆ ทุนน้อยนิดชนิดที่เรียกว่าหนังอินดี้ แต่คุณภาพกลับไม่น้อยนิดเอาซะเลย ซึ่งพอเหลือบไปเห็นชื่อ ผกก.ว่าเป็น นักแสดง/ผกก.Thomas McCarthy (The Visitor [2007]) ก็เลยถึงบางอ้อ เพราะว่าทั่นผู้นี้ทำหนังออกมาทีไรเป็นได้รับการซูฮกอย่างสูงไปซะทุกเรื่อง และหนังเรื่องนี้ก็มาด้วยอารมณ์ยิ้มๆ ขำๆ เพลินๆ กำลังดีตลอดงาน กับเรื่องราวดราม่าให้แง่คิดที่ไม่ซีเรียสจนเกินไป พร้อมด้วยบรรดานักแสดงที่เปี่ยมเสน่ห์และเต็มไปด้วยสีสันชวนฮาอีกเพียบ
นักแสดงแต่ละคนเต็มไปด้วยสีสัน
จริงอยู่ที่นี่เป็นเพียงหนังเล็กๆ กับเรื่องราวของฝรั่งบ้านๆ ที่ไม่หวือหวา แปลกใหม่ สุดยอด เด็ดสะระตี่ แต่ก็เป็นหนังที่ ดูเพลิน มีสาระ ดูแล้วฟีลกู้ดเอามากๆ เรื่องหนึ่งเลยล่ะ เอาแค่ที่หนังเริ่มต้นด้วยการให้หนูน้อยลูกสาวพระเอกอุทานแบบหัวเสียว่า 'Shit!' ได้อย่างน่ารักน่าชัง ก็เล่นเอาอดที่จะยิ้มแก้มตุ่ยและรู้สึกดีกับหนังได้ตั้งแต่วินาทีนั้นแล้วล่ะ อิอิ
- + เป็นหนังดราม่า/ตลก ที่ดูเพลิน ฟีลกู้ด มีสาระ แฟนๆ หนังของ ผกก.Thomas McCarthy ไม่มีผิดหวังแน่จ้า
- - ด้วยความที่เป็นหนังเล็กๆ เรื่องราวก็บ้านๆ เลยอาจไม่ค่อยดึงดูดคอหนังให้สนใจสักเท่าไหร่
*ช่วงเพลงในหนัง*
และเพราะเป็นหนังอินดี้ ก็เลยต้องมีเพลงประกอบเป็นเพลงอินดี้กับเขาด้วยถึงจะเข้าคอนเซปท์ ว่าแล้วหนังก็ได้เพลงเพราะๆ ของ The National วงอินดี้จากบรู้คลิน นิวยอร์ค ที่ชื่อ 'Think You Can Wait' ซึ่งทางวงบรรจงแต่งเพื่อหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะซะด้วย แจ่มไปโลด และอีกเพลงคือเพลงของ Bon Jovi ที่ถึงจะไม่อินดี้แต่ก็ถูกนำมาใช้ในหนังได้อย่างมีเสน่ห์ ในฉากคุณเมียพระเอกประกาศตนอย่างภาคภูมิใจว่าตนเป็นสาวกวง Bon Jovi ตัวจริงเสียงจริง เพราะเป็นคนเจอร์ซี่ด้วยกัน อิอิ น่ารักจริงนะหนังเรื่องนี้
*รีวิวหนังของเฮีย Paul Giamatti เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจภายในบล็อก *
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น