เวอร์ชั่นวิดีโอเกมมีมาถึงภาค 5 ที่ไปตะลุยซอมบี้กันถึงแอฟริกาแล้ว เวอร์ชั่นหนังก็กำลังตามบี้มาติดๆ ถึงภาคที่สี่ ซึ่งมาคราวนี้ก็ขอทำเป็นหนังสามมิติเต็มรูปแบบฉายโรงไอแมกซ์กันเลยทีเดียว(แถมใช้ระบบการถ่ายทำ Fusion Camera System แบบที่ป๋า James Cameron ใช้ใน Avatar (2009) ซะด้วย) ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ Paul W.S. Anderson ผกก.เจ้าเก่าจากภาคแรกขอกลับมาทำภาคนี้อีกครั้งหลังจากที่ถอยฉากไปอำนวยการสร้างและเขียนบทให้กับภาคที่ผ่านๆ มา
ต่อให้เจ๊เก่งแค่ไหน เจอโขยงซอมบี้วิ่งไล่แบบนี้ก็ต้องหนีหน้าตั้งก่อนล่ะ
ภาคนี้เจ๊ Alice (Milla Jovovich) เราก็ยังคงตามล้างบางองค์กร Umbrella เช่นเดิม โดยเจ๊แกจะได้ไปตะลุยทั้งที่ ญี่ปุ่น อลาสก้า หรือ ลอสแองเจิลลิส ซึ่งงานนี้ยังได้ลูกคู่อย่าง Claire (Ali Larter) และพี่ชาย Chris Redfield (Wentworth Miller จากซีรี่ส์ Prison Break ที่เล่นเอาฮาเพราะโผล่มาก็ติดคุกอีกแล้วครับทั่น) มาช่วยกันทำเท่ยามบู๊อีกด้วย พร้อมด้วยตัวประกอบอีกจำนวนหนึ่งที่มีไว้ให้ซอมบี้หม่ำ เอ๊ย เพื่อไม่ให้หนังหงอยเหงาจนเกินไป
จาก ไมเคิล สกอร์ฟิลด์ กลายมาเป็น คริส เรดฟิลด์ ในเรื่องนี้
หนังเริ่มต้นมาก็บู๊กันเต็มเหนี่ยวซะ ซึ่งถึงเวอร์ชั่นที่เราดูไม่ใช่สามมิติแต่ก็พอดูออกว่าหนังเล่นกับความเป็นสามมิติกันซะสนุกสนาน และดูเหมือนภาคนี้ผู้สร้างจะเอาใจแฟนเกมกันเต็มที่เพราะมีตัวละครหรือตัวประหลาดจากเกมโผล่ออกมาให้เห็นกันอยู่ตลอด(หลังจากภาคที่แล้วแถเรื่องราวออกทะเลทรายจนกลายเป็น Mad Max เวอร์ชั่นซอมบี้ไปซะงั้น) งานสร้างและเทคนิคดูดี ฉากบู๊ที่เน้นเท่(แบบสะโลโมชั่นกันเต็มที่)ก็ดูเพลินแม้จะเหมือนเลียนแบบจากหนังเรื่องโน้นเรื่องนี้เขามาก็เถอะ
ไอ้ขวานยักษ์ตัวนี้คงตามออกมาจากเกมเป็นแน่เชียว
ถ้าจะให้เดาว่าช่วงไหนของหนังคล้ายกับหนังเรื่องอะไรบ้างนั้นก็คงจะสรุปได้ดังนี้คือ ช่วงแรกเหมือนหนัง Ultra Violet ปน The Matrix ช่วงกลางเหมือนหนัง Dawn of the Dead และ Day of the Dead (ซึ่งเราชอบช่วงกลางนี้มากที่สุด)ส่วนช่วงท้ายฉากบู๊นี่มัน Matrix ชัดๆ เลย ซึ่งเขาก็เอาไอเดียมาใช้ได้ดูสนุกดี แต่ช่วงท้ายเหมือนจะสนุกน้อยลงไปนิด และยังคงขจัดตัวละครรายรอบทิ้งง่ายๆ แบบไร้เยื่อไยได้เช่นเดิม ยังไงซะก็ยังถือว่าภาคนี้ทำได้สนุกมากกว่าสองภาคที่ผ่านมา ไม่ว่าจะคอหนังแอ็คชั่นเน้นเท่ หรือคอเกม ก็คงจะถูกใจกันไม่น้อยทีเดียว โดยเฉพาะถ้าได้ดูแบบสามมิติล่ะก็เอาไปสามดาวเลยเอ้า
เจ๊เล่นควงลูกซองสั้นสองกระบอกชนิดไม่กลัวปืนถีบเอาซะเลย
- น่าดูเพราะ: ภาคนี้สนุกกว่าสองภาคที่ผ่านมา คอหนังและคอเกมคงจะพอใจกันแน่ โดยเฉพาะถ้าได้ดูเวอร์ชั่น 3D จะดูสนุกขึ้นมาอีกเยอะเชียว
- ไม่น่าดูเพราะ: เหมือนลอกเอาไอเดียจากเรื่องโน้นเรื่องนี้มา และช่วงหลังดูแล้วออกแนว 'อ่ะนะ' มากกว่าจะมันส์ได้ใจ
*ช่วงรู้มั้ยเอ่ย?(แล้วจะรู้ไปทำไมเนี่ย...)*
Mika Nakashima ก็มากับเขาด้วย
Jill Valentine จากภาคสองหายไปไหนแล้วล่ะ?
- ฉากเปิดเรื่องกลางถนนในญี่ปุ่นที่มีสาวหน้าแฉล้มแยกเขี้ยวงับคอคนดวงซวยที่เดินผ่านมานั้น หลายคนที่เป็นแฟนเพลงเจป็อปคงจะคุ้นๆ หน้าสาวคนที่ว่านี้ว่าช่างเหมือนสาวเสียงเพราะ Mika Nakashima ยิ่งนัก ซึ่งท่านก็เดาไม่ผิดแล้ว เพราะนั่นก็คือเธอจริงๆ นั่นแหล่ะ ลองดูโปสเตอร์หนังเวอร์ชั่นญี่ปุ่นสิ เอาเธอมาขึ้นรูปโปรโมทอีกแรงซะด้วยซึ่งเราคิดว่าหากเธอจะเป็นซอมบี้ก็คงจะเป็นซอมบี้ที่เสียงดีที่สุดในโลกไปแล้วกระมัง เหอๆ
Jill Valentine จากภาคสองหายไปไหนแล้วล่ะ?
- ภาคนี้ตัวละครจากเกมทั้งสองศรีพี่น้อง Chris และ Claire Redfield ก็มากันครบ แล้วทางด้าน Jill Valentine ตัวละครอีกตัวจากเกมที่เคยวาดลวดลายในหนังภาคสองล่ะ? เราขอบอกว่าเธอก็มาครับ เพียงแต่ว่าต้องสอดส่ายสายตาดูให้ดีๆ ว่าเธอจะโผล่มาตอนไหน ซึ่งก็น่าจะไปมีบทบาทสำคัญในภาคต่อไป ภาคที่ห้าล่ะนะ (มีแน่เพราะหนังภาคสี่ยังทำเงินระเบิดระเบ้ออยู่) เหอๆ
เจ๊เขาพาพรรคพวกมาช่วยบู๊
- 'Afterlife' ชื่อภาคนี้เดิมทีเขากะจะใช้เป็นชื่อภาคที่แล้ว ก่อนจะเปลี่ยนเป็น 'Extinction' ไปในที่สุด
- นี่เป็นหนังจากวิดีโอเกมเรื่องแรกที่ถูกทำเป็นหนัง 3D
- หนังได้ไอเดียและตัวประหลาดส่วนใหญ่มาจากเกมภาค Biohazard Code: Veronica (2000) และ Biohazard 5 (2009)
- ทุกภาคที่ผ่านมา Alice เราจะมีผมออกบลอนด์ปนน้ำตาล แต่ในภาคนี้สีผมเธอกลายเป็นน้ำตาลเต็มรูปแบบ(แล้วรู้ไปทำไมเนี่ย?)
- สำหรับข่าวคราวของภาคต่อไป เจ๊ Jovovich แพล่มออกมาว่าตอนนี้กำลังใช้ Twitter กับเว็บพวก Social Network ทั้งหลาย เพื่อซาวเสียงว่าแฟนๆ อยากให้ภาคต่อออกมาประมาณไหน นัยว่าจะทำออกมาให้โดนใจแฟนๆ เกมให้มากที่สุดในคราวหน้าเลยล่ะ
*แปลข้อมูลมั่วๆ จาก imdb เน้อ*
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น