วันเสาร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2557

The Wolf of Wall Street (2013): ขบวนการรวย-ปลิ้น


The Wolf of Wall Street (2013): ขบวนการรวย-ปลิ้น

     ตีคู่กันมาเป็นครั้งที่ห้าแล้วสำหรับเฮีย Leonardo DiCaprio และ ผกก.Martin Scorsese ซึ่งครั้งนี้น่าจะทำให้ทั้งคู่กอดคอกันแหววได้ไม่แพ้ครั้งที่ผ่านๆ มา เพราะหนังติดอันดับต้นๆ ของหนังยอดเยี่ยมแห่งปี 2013 และได้เข้าชิงออสก้าร์อีกห้ารางวัลเสียด้วยแน่ะ

     หนังสร้างจากเรื่องจริงในช่วงยุค 90 ของยอดชายนาย Jordan Belfort (รับบทโดยเฮียลีโอ) นายหน้าซื้อขายหุ้นหนุ่มหัวใสที่ค้นพบลู่ทางรวยแบบโกงๆ จากการค้าหุ้น จนเขาและพวกพ้องพากันรวยเละเทะก่อนที่ความซวยจะมาเยือนโดนเอฟบีไอตามเฉ่งในเวลาต่อมา

     ผกก.Scorsese ทำหนังออกมาให้ออกแนวเสียดสี ตลกร้าย ที่เต็มไปด้วยฉากมั่วเซ็กส์ เหล้ายา อบายมุข ที่ค่อนข้างโจ๋งครึ่ม จนติดเรทอาร์แก่ๆ (นับเป็นหนังที่มีการพูดคำว่า 'Fuck' เยอะที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์คือ 500 กว่าครั้ง)

     หนังยาวสามชั่วโมงและเต็มไปด้วยบทสนทนา แต่กลับดูสนุกไหลลื่น ไม่น่าเบื่อสักนิด แม้ว่าฉากเมาปลิ้นหลายฉากจะชวนให้นึกว่ามาจากหนัง The Hangover ก็มิปาน นับเป็นหนังของป๋าสกอร์เซซีที่กวนและเกรียนสวนทางกับอายุแกชนิดที่ถ้าไม่รู้ อาจนึกว่าหนังกำกับโดย ผกก.รุ่นลูกรุ่นหลานก็ยังได้ ยังไงก่อนดูก็อย่าลืมดื่มน้ำปัสสาวะ (ขอใช้มุกนี้อีกครั้ง อิอิ) อะไรให้เรียบร้อยเน้อ หนังมันยาว

     บรรดานักแสดงก็ขนกันมาเพียบ (ผกก.Spike Jonze ก็โผล่มาร่วมแจมในฉากหนึ่งด้วยนะ) ซึ่งก็ทำหน้าที่ได้ดีทั้งนั้น นี่เห็นลีลาสุดเหวี่ยงของเฮียลีโอในเรื่องแล้ว ก็นึกลุ้นให้ได้ออสก้าร์นำชายไปนอนกอดเสียทีเหอะ เฮียแกจะได้เลิกโดนล้อเรื่องอยากได้ออสก้าร์จนใจจะขาดเสียที

     หนังไม่ได้เชิดชูวีรเวรของพวกพระเอกสักนิด แต่มุ่งเสนอให้เห็นถึงความไร้สาระบ้าบอ ความเหลวไหลเหลวแหลกของคนเราที่อยากมีเงินเยอะๆ จนยอมทำได้ทุกอย่างเพื่อมัน ซึ่งก็มีให้เห็นทั่วไปในสังคม แต่ครั้นได้เงินมาเยอะๆ ง่ายๆ ก็มักขาดสติความยั้งคิด ใช้ชีวิตสุดเหวี่ยงหาความสุขแบบผิดๆ เท่าที่เงินจะหาซื้อให้ได้ ก่อนที่จะจบลงแบบสอนสัจธรรมชีวิตสุดคลาสสิกอย่าง หว่านสิ่งใดลงไปก็จะเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น หรือ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว นั่นเอง

     ภาพจบของหนังที่ฉายให้เห็นใบหน้าอันกระหายใคร่รู้และเต็มไปด้วยความหวังของบรรดาคนที่เข้าร่วมงานสัมนาชี้ช่องรวย สรุปไว้อย่างชวนคิดว่า ใครๆ ก็อยากจะรวยกันทั้งนั้นแหล่ะ แต่จะมีสักกี่คนที่มีโอกาสรวยได้ดังหวัง จะมีสักกี่คนที่มองเห็นโอกาส มองเกมออก และลุกขึ้นมาคว้าโอกาสเหล่านั้นให้เป็นของตนได้สำเร็จ แม้ว่ามันอาจจะต้องหมายถึงการต้องโกงเกม ฉวยโอกาสบนความทุกข์ของคนอื่นก็ตามที เอาจริงๆ แล้ว ทุกวันนี้คนแบบพวกพระเอกยังมีอีกเยอะ และจะไม่มีวันหมดไป ตราบใดที่เงินยังเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้นๆ ของชีวิตคนเรา ใครบ้างล่ะที่จะเหม็นเบื่อเงิน ไม่มี๊




หนังดีดูเพลินมีแง่คิดเยี่ยงนี้ ให้ 8/10 ครับ


ปล.คนที่เคยอยู่ในบรรยากาศของงานสัมนาของบริษัทขายตรง ธุรกิจเครือข่าย หรืองานขายประกัน คงจะตบเข่าฉาดกับฉากพูดโมติเวทของพระเอกในหนัง เพราะใช้หลักการเดียวกันเป๊ะ เอ้า นักพูดโมติเวททั้งหลายดูหนังแล้วเอาไปใช้เร๊ว


เปรียบเทียบ Jordan Belfort ตัวจริงกับในหนัง
ปล.1 ทุกวันนี้ Jordan Belfort ตัวจริงหาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นวิทยากรสัมนาชี้ช่องรวย ซึ่งบอกได้เลยว่าเขายังเอาตัวรอดได้สบายๆ แถมยังฉลาดได้อีก ลองคิดดูว่าหนังเรื่องนี้จะส่งให้ชื่อเสียงเขาโด่งดังขึ้นไปอีกแน่ ทีนี้คนจะแห่กันไปฟังเขาพูด ว่าคิดยังไงทำยังไงถึงจะรวยเละได้อย่างเขาบ้าง และพร้อมใจกันทำลืมๆ ไปเลยว่าเขาเคยทำอะไรผิดมาก่อน





*รีวิวหนังของ ผกก.Scorsese เรื่องอื่นๆ ภายในบล็อก*
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น