House of Cards (2013): แบไต๋นักการเมือง
ที่น่าสนใจคือมันถูกสร้างโดย Netflix ผู้ให้บริการดูหนังผ่านเน็ตรายใหญ่ ซึ่งลงทุนจีบ ผกก.David Fincher ให้มาดูแลการผลิต (และกำกับสองตอนแรก) และปล่อยทั้ง 13 ตอนของซีซั่นแรกออกมารวดเดียวให้ดูกันแบบไม่ต้องขาดช่วงเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมานี่เอง
ซีรี่ส์เสนอเรื่องราวของ Frank Underwood (Kevin Spacey) นักการเมืองรุ่นเก๋าและวิปรัฐบาลที่งัดกลเม็ดเด็ดพรายทุกอย่างเพื่อช่วงชิงอำนาจในเกมการเมืองมาเป็นของตน แม้ว่ามันอาจจะทำให้คนอื่นๆ รอบข้างรวมถึงประชาชนต้องประสบกับชะตากรรมที่น่าอนาถก็ตาม (ฟังดูคุ้นๆ มั้ย?)
พอพูดถึงเรื่องนักการเมือง เกมการเมืองแล้ว หลายคนคงกรอกตาด้วยความระอา แต่ช้าก่อน ซีรี่ส์นี้ไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่ท่านคิด เพราะนอกจะตีแผ่ให้เห็นถึงธาตุแท้ของนักการเมืองแล้ว ยังทำออกมาได้อย่างน่าติดตามซะจนอย่าได้แปลกใจหากท่านจะดูรวดเดียวหลายตอนด้วยความอยากรู้อยากเห็น (แม้ซีรี่ส์จะเต็มไปด้วยบทสนทนาก็ตามที)
ทางด้านทีมงานนักแสดงด้วยอยู่ในระดับดีหนึ่งประเภทหนึ่ง โดยเฉพาะป๋า Spacey ที่เล่นดีจริงอะไรจริงจนน่าจะซิวรางวัลการแสดงได้ในภายภาคหน้า ด้วยบทนักการเมืองที่เรียกได้เต็มปากว่าเป็นคนที่'ชั่วช้า' ด้วยท่าทีที่เก๋าเกม ฉลาดเป็นกรด เท่าทันเกมการเมือง มีวาทะศิลป์ และพร้อมจะแทงทุกคนข้างหลัง ครบสูตรนักการเมืองตัวจริงดีแท้ (แต่ถึงจะชั่วขนาดนั้นคนดูก็ยังแอบเอาใจช่วยให้ป๋าชนะอยู่ดี อิอิ ;P)
อีกอย่างที่เก๋คือแทนที่จะใช้เสียงบรรยายความคิดของตัวละครป๋า ก็เปลี่ยนไปให้ป๋าคอยหันหน้ามาพูดกับกล้อง (คนดู) มันซะเลย เพื่อเล่าความคิดของตนหรือเหลียวมามองอยู่เป็นระยะ ซึ่งให้ความรู้สึกที่เย้ยหยันและราวกับว่าเขาทำหน้าที่เป็นไกด์พาเราไปทัวร์โลกของเกมการเมืองยังไงยั้งงั้น
ด้าน ผกก.ก็แบ่งกันมากำกับคนละสองสามตอนอันมีทั้ง ผกก.Fincher, Joel Schumacher, Allen Coulter, Carl Franklin, James Foley, Charles McDougall ซึ่งเรียกได้ว่าแต่ละคนมีเครดิตดีๆ ติดตัวมาแล้วทั้งนั้นไม่ว่าจะจากวงการหนังโรงหรือหนังทีวีก็ตาม
ซีรี่ส์ทำให้เข้าใจธรรมชาติของเกมการเมืองที่ว่า ไม่ใช่ทุกคนที่เข้าไปเล่นเกมการเมืองเพื่อตักตวงผลประโยชน์เข้าตัว คือเริ่มแรกเขาอาจจะมีความตั้งใจดีที่จะทำเพื่อประเทศชาติประชาชน แต่เมื่อเขาได้เข้าไปอยู่ในวังวนแห่งอำนาจแล้ว มันจะค่อยๆ เปลี่ยนเขาให้กลายเป็นนักการเมืองมืออาชีพอย่างที่เราเห็นกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เพราะถ้าหากเขาไม่เปลี่ยนตนเองตามเกม ก็คงจะเอาดีทางนี้ไม่ได้ (เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคนดีถึงเล่นการเมืองไม่ค่อยรุ่ง) ที่สำคัญจงอย่าลืมว่าอำนาจมันช่างหอมหวาน จนทำให้เรายอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้มันมาครอง แม้แต่การสละจิตวิญญาณของตนเองก็ตามที
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น