รายการ Saturday Night Live ปั้นดาราตลกมาประดับวงการมาหลายคนแล้ว อาทิเช่น Adam Sandler, Chris Rock, Mike Myers, Will Ferrell, Eddie Murphy ก็ล้วนเคยเป็นศิษย์เก่าที่นี่มาแล้วทั้งสิ้น คราวนี้ก็ถึงทีของศิษย์รุ่นน้องอย่าง Will Forte จะขอแจ้งเกิดกับเขาบ้างล่ะ โดยนำคาแรคเตอร์ MacGruber (ที่นำซีรี่ส์ยอดฮิตช่วงปี 1985-1992 อย่าง MacGyver (ยอดคนสมองเพชร)มาล้อเลียนอีกที) ซึ่งเขาเล่นเอาไว้ได้อย่างฮาในรายการมาสปินออฟขึ้นจอเงินมันซะเลย
พ่อหนุ่ม Ryan Phillippe ในหนังตลกบ้าบอ โอ้ว! เป็นไปได้หรือนี่!?
สำหรับเรื่องราวในเวอร์ชั่นจอเงินนี้ยอดชายนาย MacGruber ของเราก็ถูกอดีตผู้บังคับบัญชาเรียกตัวกลับมาช่วยสืบหาหัวรบนิวเคลียร์ X-5 ที่ถูกปล้นไปโดยตัวโกงประจำเรื่องอย่าง Dieter Von Cunth (Val Kilmer จาก Batman Forever [1995]) โดยพระเอกเราก็ได้นายทหารหนุ่มตาแป๋วอย่าง ผู้หมวด Dixon Piper (Ryan Phillippe จาก Cruel Intentions [1999]) และอดีตเพื่อนร่วมงานสาวที่แอบมีใจให้กับเขาอย่าง Vicki St. Elmo (Kristen Wiig จาก Whip It [2009]) มาเป็นลูกทีมในปฏิบัติการครั้งนี้ ซึ่งยอดคนสมองรั่วของเราย่อมต้องมีวิธีการสืบสวนที่ไม่ธรรมดาแน่นอน ชนิดที่ว่าดูเรื่องนี้แล้วท่านอาจจะเอียน'ผักขึ้นฉ่ายฝรั่ง' (Celery)ไปอีกนานทีเดียวล่ะ เหอๆ
Val Kilmer ฉุเต็มที่ในบทตัวโกงของเรื่อง
หนังได้ศิษย์ Saturday Night Live อีกคนอย่าง Jorma Taccone ที่ทำงานด้านเบื้องหลังให้กับรายการมาโดยตลอด มารับหน้าที่กำกับ ซึ่งสไตล์ของ ผกก.ก็เข้าขากันดีกับเรื่องราวแอ็คชั่นตลกเช่นนี้ แต่ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นหนังตลก คาแร็คเตอร์แทบจะทั้งหมดกลับเล่นออกมาแบบเฉยๆ โดยปล่อยหน้าที่ตัวตลกบ้าบอให้กับพระเอกเราคนเดียวเท่านั้น(นี่ถ้าไม่มีพระเอกสักคนหนังคงจะกลายเป็นหนังแอ็คชั่นธรรมดาๆ ไปแล้ว) ซึ่งคาแรคเตอร์นำเราก็มาพร้อมกับทุกอย่างที่เป็นยุค 80 เต็มที่ ไม่ว่าจะทรงผม เครื่องแต่งกาย รถยนต์ แม้แต่รสนิยมการฟังเพลง ที่เชยได้ใจเชียว
มาดพี่เขาดีจริงๆ แต่อย่าเพิ่งเชื่อในภาพที่เห็นก็แล้วกัน(?)
หนังมาพร้อมตัวนำที่น่าจะมีอะไรให้เล่นได้แยะ แต่เสียดายที่พระเอกเราดันออกจะมีนิสัยไม่ค่อยน่ารักเอาสักเท่าไหร่ คือทั้งเหมือนเด็กเกรียนไม่ยอมโต เจ้าคิดเจ้าแค้น อวดฉลาด และอะไรอีกหลายอย่างที่ชวนให้หมั่นไส้มากกว่าเอ็นดู(แต่ถึงจะทำเสียแค่ไหนผลที่ออกมาก็ดีในท้ายที่สุดเสมอตามประสาหนังตลก) ส่วนมุกประดิษฐ์ของอะไรต่างๆ นั้นก็ไม่ค่อยเอามาใช้อย่างเกิดผลเท่าไหร่ นี่ยังดีนะที่มีบางฉากที่พระเอกเกรียน จนทำให้ฮาได้อยู่บ้าง(แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมของแต่ละคนด้วยเน้อ) โดยรวมแล้วจึงถือว่าเป็นหนังตลกที่สอบผ่าน พอดูได้(สำหรับเรา)ไปในที่สุด
ดูมาดบู๊ของยอดคนสมองรั่วซะก่อน
ทว่าที่น่าแปลกใจที่สุดคือการที่ได้เห็นคุณ Ryan Phillippe ในหนังตลกบ้าบอเรื่องนี้ ซึ่งถ้าดูจากเครดิตผลงานที่ผ่านมาของเขาแล้วก็นับว่านี่เป็นหนังแนวนี้เรื่องแรกๆ ของเขาเลยทีเดียว ในหนังเขามาพร้อมมาดเฉยๆ นิ่งๆ ตลกหน้าตายแบบไม่ต้องทำบ้าบออะไรนัก เลยยังฉายแววด้านตลกให้เห็นได้ไม่เท่าไหร่ ซึ่ง'ถ้า'การที่เขามารับเล่นหนังเรื่องนี้เพราะเงินล่ะก็ ในฉาก'ขึ้นฉ่าย'นั้นอาจจะถือว่าเป็นจุดตกต่ำที่สุดในชีวิตของเขาแล้วก็เป็นได้ ซึ่งเราก็หวังว่าคงจะไม่เป็นเช่นนั้นเน้อ เอาเป็นว่าเราขอแนะนำด้วยความหวังดีให้หาบทซีเรียสเล่นแบบเดิมอ่ะดีแล้ว พ่อคุ๊ณณณ อิอิ
*ช่วงเพลงในหนัง*- น่าดูเพราะ: เป็นหนังตลกล้อเลียน MacGyver ที่ยังพอมีอะไรให้ขำได้อยู่ โดยเฉพาะมุกล้อเลียนความเป็นยุค 80
- ไม่น่าดูเพราะ: พระเอกเรานิสัยไม่ค่อยน่ารัก(เกรียนซะ) ดูแล้วบางคนอาจจะหมั่นไส้มากกว่าจะขำพี่แกเอานะ
MacGyver และทรงผม Mullet สุดฮิตของคนยุค 80
นอกจากพระเอกเราจะมาพร้อมทรงผมยอดฮิตของคนยุค 80 ที่เรียกว่าทรง 'Mullet' (หน้าสั้นข้างสั้นแต่ด้านหลังปล่อยยาว) แล้ว ยังมาพร้อมเพลงยุค 80 ซึ่งพอมาฟังทุกวันนี้ก็พบว่าช่างเชยได้ใจจริงๆ และในหนังก็มีมาให้ฟังหลายเพลงซะด้วยสิไม่ว่าจะเป็นเพลงของ Michael Bolton, Toto, Mr. Mister, Emerson, Lake & Powell แต่ก็ยังมีเพลงร็อคสมัยใหม่ให้ฟังกันอยู่ด้วยเพื่อเป็นการตัดอารมณ์อย่างเช่นเพลงของ The Black Keys, Wolfmother, The Hives อีกด้วย เราจึงได้เลือกเพลงทั้งสองยุคจากในหนังมาให้ฟังเปรียบเทียบกันซะเลยจ้า