วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2557

Transformers: Age of Extinction (2014): เยอะอีกทีต้องที่ไชน่า

Transformers: Age of Extinction (2014): เยอะอีกทีต้องที่ไชน่า

     เนื่องเพราะเห็นเหล่าแฟนๆ เข้าแถวยาวเหยียดหลายป้ายรถเมล์เพื่อต่อคิวเล่นเครื่องเล่น Transformers ride ที่สวนสนุก เสี่ย Michael Bay จึงดำริได้ว่าภารกิจของแกที่มีต่อหนังแฟรนไชส์ชุดนี้ยังไม่จบสิ้น ว่าแล้วแกก็ขอกลืนน้ำลายตนเองหนึ่งเอื๊อกใหญ่ๆ แล้วหันกลับมากำกับอีกสักภาคละกันนะ จุ๊บๆ

     และเสี่ยเบย์ก็ยังคงเป็นเสี่ยเบย์อยู่วันยังค่ำ ที่มุ่งถือคติอัดฉากระเบิดภูเขาเผากระต๊อบคืองานของเรา แถมภาคนี้ดูจะหนักหนากว่าเดิมอีกเพราะหนังยาวหย่อนสาม ชม.ไปนิดหน่อย ซึ่งถือเป็นภาคที่ยาวสุดแล้วล่ะ

     โอเคเรื่องเทคนิคการสร้างอะไรๆ ก็อยู่ในระดับสุดยอดเท่าที่ทุนสร้างจำนวน 165 ล้านดอลล่าร์จะเนรมิตให้ได้ ฉากแอ็คชั่นก็ดูน่าตื่นตาดีในหลายฉาก แต่เมื่อต้องมานั่งดูติดๆ กันเกือบสาม ชม.มันก็ชักจะเริ่มรู้สึกว่า'เยอะ'และเฝือไปเป็นธรรมดา ซึ่งนี่ก็คือปัญหาที่เกิดขึ้นกับหนังของแกมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว

     ที่น่ากล่าวถึงอีกอย่างคือเรื่องโฆษณาแฝงของสินค้าแบรนด์ต่างๆ (แบบในภาคก่อนๆ) ที่ต้องมีโผล่มาให้เห็นอย่างจงใจจนน่าเกลียดในทุกห้านาทีสิบนาที (ซึ่งก็นะ เสี่ยแกโตมาจากสายโฆษณานี่เนอะ) และการเปลี่ยนทำเลถล่มเมืองไปล่อกันที่เมืองจีนก็ดูจะเป็นการเอาใจจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่อันดับต้นๆ ของฮอลลีวู้ดไปซะแล้ว

     ถ้านี่เป็นภาคแรกเราก็คงจะรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับหนังได้มากกว่านี้ แต่นี่เราเห็นอะไรแบบนี้มาเป็นครั้งที่สี่แล้ว จึงไม่ค่อยหือค่อยอือสักเท่าไหร่ (หนังก็แทบจะมากับสูตรเดิมๆ ซ้ำๆ อีกด้วย) หนังสไตล์นี้เหมาะที่จะดูเป็นซีนๆ ฉากๆ ไป แบบที่เขาเปิดฉายโชว์ตามร้านขายดีวีดี ทีวีโฮมเธียร์เตอร์ แต่ถ้ามาดูแบบทั้งเรื่องแล้วล่ะก็คงจะไม่ค่อยไหวล่ะมั้งครับเสี่ย



ยังเฝือได้อีกแบบนี้ก็เอาไปเลย 5/10 ครับ









*รีวิวภาคอื่นๆ ภายในบล็อก*

วันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2557

Maleficent (2014): อย่าบอกว่าเธอโฉด



Maleficent (2014): อย่าบอกว่าเธอโฉด

     แรกเริ่มเมื่อเห็นว่าดิสนีย์จะเอา Sleeping Beauty มาคิดใหม่ทำใหม่โดยดันตัวร้ายอย่าง Maleficent ให้เป็นตัวนำ ก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าหนังจะออกมาอีท่าไหน

     แต่พอได้ดูตัวหนังแล้วก็ต้องซูฮกผู้สร้างแหล่ะครับว่าเข้าใจหาทางออกได้แบบเนียนๆ แถมเจ๊ Angelina Jolie ก็เล่นดีเหมาะสมกับบทนี้สุดๆ ดังนั้นนอกจากคนดูจะเกลียดเจ๊แกไม่ลงแล้ว อาจไปถึงขั้นรักตัวละครนี้ของเจ๊ไปเลยก็ได้

     Robert Stromberg มือวิช่วลเอฟเฟกต์สุดเก๋า โดดมารับหน้าที่กำกับเป็นครั้งแรก และก็ทำหน้าที่ได้ดีเพราะสามารถทำให้หนังออกมาดูเพลิน ไม่มีน่าเบื่อ เหมาะสำหรับจะดูทั้งครอบครัวดีแท้ แม้ว่าอาจจะเล่นง่ายไปบ้าง และไม่ถึงกับเด็ดดวงคุณภาพคับไหจนกลายเป็นขวัญใจนักวิจารณ์ทั้งหลายก็ตาม

     หนังอยู่ในระดับดูได้ดูดี แต่ที่น่าสนใจยิ่งไปกว่าคือการที่ดิสนีย์ยุคใหม่เลิกชักชวนให้เรามองโลกสวยแบบในเทพนิยายได้แล้ว ด้วยการเสนอแง่คิดเกี่ยวกับความรักอย่าง "รักแท้มีจริงด้วยหรือ?"

     และหนังก็ตอบอย่างหนักแน่นว่า "มีจริงสิจ้ะ" แต่ไม่ใช่ในแบบที่คนสองคนมาเจอะกันไม่เท่าไหร่ก็รักกันปานจะแหกแก้มก้นดมแล้ว การที่คนเราจะมารักกันได้มันต้องใช้เวลาทำความรู้จักซึ่งกันและกันให้ดีพอ จนอาจพัฒนาไปเป็นความรักต่อไป ไม่ว่าจะแบบฉันท์เพื่อนหรือหนุ่มสาวฯลฯ การที่เราอาจเคยผิดหวังจากความรักและรู้สึกว่าโดนทรยศ ก็ไม่ได้หมายความว่ารักแท้นั้นไม่มีจริง เพียงแต่ว่าเรายังคงหามันไม่เจอต่างหาก




ตัวหนังดูดีดูเพลินเหมาะกับจะดูกันทั้งครอบครัว เจ๊โจลี่ก็แสดงดี เอฟเฟกต์ดีหนึ่งประเภทหนึ่ง แถมยังมีข้อคิดดีๆ เกี่ยวกับความรักให้อีกแหน่ะเอาไปเลย 7/10 ครับ ^^






วันพุธที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2557

Edge of Tomorrow (2014): เวียนว่ายตายบู๊


Edge of Tomorrow (2014): เวียนว่ายตายบู๊

    เสี่ย Tom Cruise ในวัย 51 ขวบ ยังคงตั้งหน้าตั้งตาเข็นผลงานมาเรียกเงินจากกระเป๋าแฟนหนังทั่วโลกอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และด้วยความที่แกนับถือลัทธิไซแอนโทโลจีเป็นทุนเดิม เลยมักแว่บไปเล่นหนังแนวไซไฟสนองนี้ดอยู่เนืองๆ

    รวมทั้งเรื่องนี้ที่สร้างโดยอิงจากหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง 'All You Need is Kill' ซึ่งเมื่อมาอยู่ในมือของ ผกก.จอมไอเดียกระฉูดอย่าง Doug Liman แล้ว คงไม่ออกมาธรรมดาสามัญอย่างแน่นอน

    สิ่งแรกที่ต้องชมก่อนเลยคือเรื่องราวที่จับเอาแนวถูกกักขังในห้วงเวลาอย่าง Groundhog Day (1993) มาผสมกับแนวแอ็คชั่นไซไฟเอเลี่ยนยึดโลก ที่แม้จะไม่ได้เป็นไอเดียที่สดใหม่อะไรในทุกวันนี้แล้ว แต่ทีมสร้างก็ยังสามารถทำออกมาได้เวิร์ค ดูเพลิดเพลิน ไม่เข้าใจยาก

    การได้เห็นฉากยกพลขึ้นฝั่งที่ฝรั่งเศส ก็ชวนให้นึกถึงเวอร์ชั่นไซไฟของการยกพลขึ้นฝั่งของทหารฝ่ายสัมพันธมิตรในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง และอะไรอีกมากมายที่ชวนให้นึกว่าได้รับอิทธิพลมาจากไหนบ้าง ซึ่งก็น่าจะเป็นอะไรที่สนุกดีเหมือนกันสำหรับบรรดาเนิร์ดแก่พรรษาทั้งหลาย

    เพราะในชีวิตจริงของคนเรานั้นไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ตัวใหม่เหมือนกับวีดีโอเกมหรือเช่นในหนังเรื่องนี้ นี่จึงเป็นอีกครั้งในการย้ำเตือนให้เราทำวันนี้ให้ดีที่สุด แม้ผลจะออกมาในรูปไหนก็ถือว่าเราได้ทำดีที่สุดแล้ว




ดูดี ดูเพลิน ไอเดียดี แต่ก็ไม่ถึงกับเจ๋งว่ะ เอาไปโลด 7/10 ครับ