สงสัยเราคงจะเริ่มแก่แฮ่กแล้วจริงๆ เพราะหนังหลายเรื่องที่เคยทันดูในโรงสมัยเด็กๆ เริ่มจะเวียนมาน็อครอบถูกเอามารีเมคใหม่ซะหลายเรื่องแล้ว และนี่เรื่องล่าสุดที่เป็นการจับเอาหนังแอ็คชั่นไซไฟเรื่องดังจากปี ค.ศ.1990 ของป๋า Arnold Schwarzenegger และ ผกก.Paul Verhoeven มาคิดใหม่ทำใหม่ให้ไฉไลไปโลด ซึ่งก็เป็นการสร้างจากเรื่องสั้นแนวไซไฟของ Philip K. Dick เรื่อง "We Can Remember It for You Wholesale" มาอีกทีนั่นเองจ้า
หนังบู๊สนั่นของเฮีย Colin Farrell
มาเวอร์ชั่นนี้หนังอยู่ในความรับผิดชอบของ ผกก.Len Wiseman เจ้าของตำนานหนังชุด Underworld ที่ควงภรรเมียสุดที่เลิฟ Kate Beckinsale มาหากินกับหนังเรื่องอื่นเพื่อเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง โดยมอบหมายหน้าที่บู๊กระจายให้กับพระเอกมาดเข้ม Colin Farrell ซึ่งระยะหลังๆ มานี้ดูเฮียแกจะหันมาเป็นมิตรกับหนังตลาดมากขึ้นนะ (ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีแล้ว) พ่วงด้วยสาว Jessica Biel และนักแสดงคุ้นหน้าอีกมากมายหลายหน่อ
สองสาวเขม่นจ้องจะตบกันทั้งเรื่อง
ครั่บ เรื่องนี้ ผกก.Wiseman ยังคงมาด้วยสไตล์เก่งของแกคือทำหนังแอ็คชั่นหวือหวาเน้นเท่ เดินเรื่องรวดเร็วปานจะรีบไปไล่วัวที่ไหน และกระหน่ำแหลกไปด้วยฉากบู๊ระเบิดเถิดเทิงฉากแล้วฉากเล่า ซึ่งมันก็ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายอะไร หนังดูเพลินๆ ดีออก ถ้าท่านต้องการดูหนังแอ็คชั่นไล่ล่ามันส์ๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก หนังทำได้ดีในการวาดภาพชีวิตความเป็นอยู่ในอนาคตออกมาได้อย่างน่าสนใจ (แต่ดูแล้วชวนให้นึกถึง Minority Report [2002] ผสม Blade Runner [1982] อยู่บ้าง) ไอเดียทะลุโลกเราแทนที่จะไปล่อกันที่ดาวอังคารเหมือนหนังเวอร์ชั่นก่อนก็เข้าใจคิดดี ส่วนงานด้านภาพงานด้านเอฟเฟกต์นี่ก็หายห่วงไม่มีห่วยอยู่แล้วล่ะ
เจ๊ Kate Beckinsale ขอรับบทยัยตัวร้ายบ้าง
ยิ่งถ้าท่านเคยเป็นแฟนหนังเวอร์ชั่นก่อนมาด้วยจะยิ่งดูหนังเรื่องนี้ได้เพลินยกกำลังสอง เพราะหนังมีการอ้างอิงของเก่ามาหลายฉากหลายตอนให้ได้เฮ ทั้งสาวสามเต้า ฉากปลอมตัว ฉากเครื่องปลูกความทรงจำ ฉากบู๊กับเมียที่คิวบู๊ดูคล้ายกับของเก่าดีแฮะ คือหนังมีอะไรแบบนี้เล็กๆ น้อยๆ ให้ได้สังเกตกันตลอด ซึ่งนั่นก็แสดงให้เห็นว่าถึงผู้สร้างจะเปลี่ยนแปลงรายละเอียดในหนังไปหลายๆ อย่าง แต่ก็ยังไม่ถึงกับหมางเมินสะบัดบ๊อบเชิดใส่แฟนหนังเวอร์ชั่นเก่าแต่อย่างใด
พระเอกเวอร์ชั่นดั้งเดิมทำหน้าตาได้อารมณ์กว่าเยอะ
ถ้าเทียบกับเวอร์ชั่นก่อนแบบหมัดต่อหมัดแล้วแน่นอนว่านอกจาก ด้านเทคนิค ความหวือหวากับความเท่ เวอร์ชั่นใหม่นี้ยังถือว่าแค่สอบผ่านเท่านั้น (ตามประสาของหนังที่มาทีหลัง) คือรีเมคไม่เสียของ ดูสนุก ดูเพลิน แต่จบแล้วก็แล้วกันไป ยังไงก็ขอให้หนังประสบความสำเร็จก็แล้วกัน เฮีย Farrell เขาจะได้กลับมาฮ็อตฮิตเป็นที่ต้องการตัวของฮอลลีวู้ด และมีหนังเด็ดๆ ออกมาให้เราแฟนหนังได้ดูกันอีกต่อไปในอนาคตเน้อ ^^
- + หนังแอ็คชั่นไซไฟรีเมคที่ทำได้ไม่เสียของ ดูสนุก ดูเพลิน โปรดักชั่นแจ่ม มีอ้างอิงให้คอหนังเวอร์ชั่นเดิมได้เฮ
- - เป็นหนังสนุกชนิดที่ดูจบแล้วก็จบกันไป ไม่มีอะไรตรึงตาตรึงใจตามออกมาจากโรงหนังมากนัก
*ช่วงย้อนรอยหนังต้นฉบับ*
ต้องบอกว่าความสำเร็จของหนังเรื่องนี้มาจากวิสัยทัศน์ของป๋า Arnold ล้วนๆ เพราะป๋าแกเป็นตัวตั้งตัวตีในการสร้าง และเลือก ผกก.Paul Verhoeven ที่กำลังดังขึ้นหม้อจาก RoboCop (1987) มาดูแลหนังส่งผลให้หนังออกมาเป็นหนังแอ็คชั่นไซไฟบู๊โหดๆ แรงๆ ระดับเรท R ที่มีเนื้อเรื่องหนักแน่นโดนใจคอหนังส่งผลให้หนังฮิตระเบิดเถิดเทิงทำเงินไปซะเกือบ 300 ล้านเหรียญ ส่วนงานด้านเอฟเฟกต์ก็ทำได้เลิศถึงขั้นได้เข้าชิงออสก้าร์ซะด้วย (แต่รับประทานแห้ว)
แต่ถ้ามาดูในทุกวันนี้ งานด้านเอฟเฟกต์และอะไรหลายอย่างของหนังดูค่อนข้างตกยุคไปแล้ว ถึงกระนั้นหนังโดยรวมก็ยังดูได้สนุกเข้มข้นอยู่ ฉากที่น่าจดจำคงไม่พ้นฉากล้วงจมูกเอาเครื่องติดตาม ฉากปลอมตัวผ่านด่าน ฉากตาถลนนอกเบ้า (และแน่นอนสาวสามเต้า) ซึ่งล้วนส่งให้หนังกลายเป็นหนังที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งของป๋า Arnold และเป็นหนังคลาสสิกอีกเรื่องสำหรับคอหนังไซไฟไปซะแล้ว
แต่ถ้ามาดูในทุกวันนี้ งานด้านเอฟเฟกต์และอะไรหลายอย่างของหนังดูค่อนข้างตกยุคไปแล้ว ถึงกระนั้นหนังโดยรวมก็ยังดูได้สนุกเข้มข้นอยู่ ฉากที่น่าจดจำคงไม่พ้นฉากล้วงจมูกเอาเครื่องติดตาม ฉากปลอมตัวผ่านด่าน ฉากตาถลนนอกเบ้า (และแน่นอนสาวสามเต้า) ซึ่งล้วนส่งให้หนังกลายเป็นหนังที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งของป๋า Arnold และเป็นหนังคลาสสิกอีกเรื่องสำหรับคอหนังไซไฟไปซะแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น