วันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2555

The Big Year (2011): ชุลมุนคนส่องนก


The Big Year (2011) :
Big Year คือการแข่งขันอย่างไม่เป็นทางการของบรรดาคนรักนกในอเมริกาว่าใครจะสามารถเห็นหรือได้ยินเสียงนกได้มากชนิดที่สุดในระยะเวลาหนึ่งปี โดยกำหนดขอบเขตในการตามดูนกไว้เฉพาะในแผ่นดินอเมริกาและบางส่วนของแคนาดาเท่านั้น ซึ่งเคยมีคนสร้างสถิติในการดูนกไว้สูงสุดถึง 745 ชนิด (ในหนึ่งปี) เลยทีเดียว (ป๊าด!)

สามนักแสดงตลกชื่อดังมาร่วมกันส่องนกในเรื่องนี้
นี่คือผลงานล่าสุดของ ผกก.David Frankel ที่เคยสร้างชื่อจาก The Devil Wears Prada (2006) และ Marley & Me (2008) อันเป็นเรื่องราววุ่นๆ ของสามหนุ่มสามมุมไม่ว่าจะเป็น นักธุรกิจใหญ่วัยปลดเกษียณ (Steve Martin), หนุ่มตุ้ยบ้านกจนเมียทิ้ง (Jack Black) และแชมป์จากการแข่งขันครั้งก่อน (Owen Wilson) ที่นอกจากจะแข่งกันดูนกอย่างเมาแมวแล้ว ยังต้องคอยแบ่งเวลามาเคลียร์ปัญหาชีวิตส่วนตัวของแต่ละคนอีกด้วยเอย


สองหน่อนี้มาเจอะกันเป็นครั้งแรก
หนังล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงทั้งด้านคำวิจารณ์และรายได้ (เจ๊งเละเทะ) ซึ่งส่วนหนึ่งนั้นก็น่าจะมาจาก หน้าหนังที่เป็นใครก็คงจะอดคิดไม่ได้แน่ว่าหนังที่มีแต่การไล่ส่องนกทั้งเรื่องเนี่ยมันน่าสนใจตรงไหนเนี่ย แม้ว่าจะมีสามดาราตลกชื่อดังมาเรียกแขกก็ตามที เรียกว่าหน้าหนังไม่ดึงดูดพอว่างั้นเหอะ ส่วนบางคนที่ตัดสินใจไปดูแล้วก็คงจะผิดหวังเมื่อพบว่าหนังมันไม่ตลกเท่าที่คาดไว้ด้วยอีกต่างหาก


ส่องนกกันทั้งเรื่อง
แต่ถ้าจะดูกันจริงๆ แล้วหนังก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรเลย เพราะเป็นหนังที่ดูสบายๆ เพลงไพเราะ วิวทิวทัศน์งดงามเหมาะกับคนที่รักธรรมชาติดีออก แถมยังสอดใส่ประเด็นชวนคิดเกี่ยวกับความใฝ่ฝันส่วนตัวและการให้ลำดับความสำคัญของชีวิตมาได้อย่างน่าพอใจในระดับหนึ่ง ส่วนบรรดานักแสดงหลักทั้งสามคนก็ทำหน้าที่ของตนได้อย่างมีเสน่ห์ แม้แต่ในรายของนาย Wilson ในบทตัวร้าย (?) ของเรื่องที่ก็ยังไม่ร้ายมากพอจะทำให้คนดูเกลียดลงคอเลย

วิวทิวทัศน์สวยงามชื่นใจ
ถึงไม่ใช่หนังที่ดีเด่นโดนใจ เนื้อเรื่องดึงดูดใจ แต่ก็มีดีมากพอจะไม่คู่ควรกับการขึ้นชื่อว่าเป็นหนังที่แย่ นี่จึงน่าจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ได้รับการตอบรับน้อยกว่าความน่าจะเป็น ซึ่งนั่นก็ต้องให้ระยะเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วล่ะนะ ยังไงก็ขออย่าเชื่อการให้คะแนนของสื่อต่างๆ มากเกินไป (แม้แต่เชื่อเราก็ตามที อิอิ) จนกว่าจะได้พิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง เพราะนั่นอาจจะทำให้เราพลาดหนังดีๆ บางเรื่องไปอย่างน่าเสียดายก็ได้นะครับ พ่อแม่พี่น้องที่เคารพ :)
  • + ดูเพลินๆ สบายๆ วิวสวย เพลงเพราะ นักแสดงมีเสน่ห์ มีแง่คิดติดปลายนวม
  • - พล็อตไม่ดึงดูด หนังไม่ตลกฮาแตก และมีแต่คนส่องนกทั้งเรื่องนี่นะ แค่นี้หลายคนก็เมินแล้ว





*ช่วงเพลงในหนัง*

Coldplay
นอกจากหนังจะดูเพลิน วิวสวยแล้ว ด้านเพลงก็ใช่ย่อย เพราะเต็มไปด้วยเพลงเพราะๆ ทั้งจากศิลปินดังและไม่ดัง อาทิ Coldplay, Eels, Iron & Wine, Guster ซึ่งแต่ละเพลงเนี่ยก็ช่วยทำให้หนังดูฟีลกู้ดขึ้นมาแยะ โดยเฉพาะเพลงของนาย Jeremy Fisher ศิลปินหนุ่มชาวแคนาเดี้ยนที่ชวนชื่นบานไม่ใช่น้อยเลยล่ะ ว่าแล้วเราก็มีมาให้ฟังด้วยจ้า



*รีวิวหนังของ ผกก. และพี่ตุ้ย Jack Black เรื่องอื่นๆ ภายในบล็อก*

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น