วันเสาร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Whiplash (2014): หวดยิกๆ พิชิตฝัน



Whiplash (2014): หวดยิกๆ พิชิตฝัน

     หนังดราม่า/ดนตรี เล็กๆ ที่เกี่ยวกับหนุ่มมือกลองแจ๊สกับอาจารย์จอมโหดแถมปากหมาเรื่องนี้ เดินสายกวาดรางวัลเวทีต่างๆ มาเพียบ รวมถึงอนาคตที่อาจไปไกลถึงเวทีออสก้าร์เลยทีเดียว

     Damien Chazelle ผกก.หนุ่มวัย 29 ขวบ นำเอาประสบการณ์ของตนสมัยยังเป็นนักเรียนดนตรีมาเขียนบท/กำกับเอง ซึ่งก็ออกมาไม่ซ้ำรอยกับทรงนิยมของหนังดนตรีทั่วๆ ไป และสามารถแจ้งเกิดให้แก่เขาในฐานะ ผกก.คลื่นลูกใหม่ที่น่าจับตามองจริงๆ

     ใครคิดว่าหนังที่เกี่ยวกับดนตรีแจ๊สเรื่องนี้จะออกมานุ่มนิ่มน่าเบื่อล่ะก็คิดใหม่ได้เลย เพราะหนังถูกถ่ายทอดออกมาอย่างเร้าใจ ทั้งจากจังหวะดนตรีแจ๊ส เรื่องราว การลำดับภาพ รวมทั้งการแสดงอันยอดเยี่ยมของสองนักแสดงนำ โดยเฉพาะในส่วนของลุง J.K. Simmons ที่บทบาทในเรื่องนี้จะทำให้แกกลับมาเป็นที่ต้องการตัวอีกอย่างแน่นอน

     หนังไม่มากับสูตรสำเร็จ ไม่มองโลกสวย แต่บอกว่าความสำเร็จไม่ใช่สิ่งที่ได้มาง่ายๆ เราต้องฝ่าฟันถึงจะได้มันมา และบางครั้งเราก็ต้องยอมจ่ายราคาค่างวดอันแสนแพงเพื่อแลกมันมา โดยหนังนำเรื่องในแวดวงดนตรีมาเล่าให้เห็นเป็นรูปธรรมขึ้น

     คนที่ชอบดนตรีรักดนตรีคงจะปลื้มกันแน่ๆ ส่วนบรรดาขาจรก็คงชื่นชอบได้ไม่ยากเลย เพราะหนังไม่ได้ดูยาก ไม่ต้องแบกบันไดมาปีนดู และจะว่าไปแล้วหนังออกมาเร้าใจซะยิ่งกว่าหนังแอ็คชั่นฟอร์มยักษ์หลายๆ เรื่องเลยล่ะ

     และท้ายที่สุดแล้วดนตรีคือสิ่งวิเศษที่สามารถก่อให้เกิดการให้อภัยและก่อให้เกิดมิตรภาพ ที่ทรงประสิทธิภาพมากยิ่งกว่าคำพูดนับล้านคำเสียอีก จริงๆ นะ ไม่ได้โม้




นี่คือหนึ่งในหนังยอดเยี่ยมแห่งปีนี้ครับ อย่าพลาดเชียวล่ะ

ปล.มันคือหนังที่จะทำให้ท่านอยากหาเพลงแจ๊สมาฟังขึ้นมาในบัดดล







*ช่วงเพลงในหนัง*
ผกก.Damien Chazelle และเพื่อนซี้ Justin Hurwitz ที่มาทำเพลงประกอบให้หนัง

     เพลงประกอบของหนัง Whiplash อยู่ในการดูแลของ Justin Hurwitz คอมโพเซอร์หนุ่มซึ่งเคยเป็นรูมเมทกับ ผกก.Damien Chazelle และเคยเล่นดนตรีวงเดียวกันสมัยเรียนอีกด้วย อันที่จริงทั้งคู่ร่วมงานกันมาตั้งแต่สมัยหนังนักศึกษาของ Chazelle เรื่อง Guy and Madeline on a Park Bench (2009) โน่นแล้ว


และนี่คือตัวอย่างของเพลงจากหนังเรื่องนี้


วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Interstellar (2014): สัญญาณรักข้ามจักรวาล



Interstellar (2014): สัญญาณรักข้ามจักรวาล

     Christopher Nolan ผกก.ขวัญใจมหาชนคนดูหนังมีผลงานออกมาทีไรเป็นต้องสร้างความฮือฮาให้แก่แฟนๆ ได้ทุกครา และสำหรับผลงานลำดับที่เก้าของแกนี้ก็คิดการใหญ่ขอพาตะลุยอวกาศ ทะลุจักรวาล ทิ้งดิ่งสู่ Black Hole (ที่ไม่ใช่ Back Hole นะ อิอิ) กันเลยทีเดียว

     หนังรวบรวมบรรดานักแสดงมีเกรดระดับออสก้าร์มาอย่างคับคั่ง ทุนสร้างก็มิใช่น้อย (หนังยาว 169 นาทีใช้ทุนสร้างเฉลี่ยนาทีละเกือบล้านเหรียญ) ดังนั้นงานสร้าง เอฟเฟกต์ต้องออกมาดีหนึ่งประเภทหนึ่งอยู่แล้ว และด้วยวิสัยทัศน์อันสุดติ่งกระดิ่งเหมียวของ ผกก.แก หนังจึงมีอะไรๆ ที่น่าทึ่งมาฝากอย่างแน่นอน

     และอย่างที่ทราบ หนังของแกนั้นมักต้องใช้การประมวลผลของซีพียูในสมองมากพอควร จึงไม่เหมาะที่จะดูแบบลืมพกสมองติดตัวไปด้วย และเรียกร้องการดูมากกว่าหนึ่งรอบ เพราะมีอะไรๆ ให้เก็บตก คิดตาม ถกเถียงกันมากมาย ซึ่งเรื่องนี้ก็เต็มไปด้วยฉากสนทนาศัพท์แสงและทฤษฏีทางวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย จึงอาจทำให้บางคนตามไม่ค่อยทัน และพาลจะรู้สึกว่าหนังน่าเบื่อไปเลยก็ยังได้ในช่วงแรกๆ (โปรดจูนสมองก่อนรับชม)

     บางคนดูแล้วหนังอาจจะคิดว่าไม่สนุกเท่า ไม่เจ๋งเท่า ไม่เข็มขัดสั้นเท่า ผลงานที่ผ่านๆ มา มีหลายอย่างที่ดูจะไม่ค่อยเคลียร์ (คือดูแล้วงงว่างั้น) แถมช่วงแรกยังชวนหลับเสียอีก แต่ก็ยังถือว่าเป็นผลงานระดับคุณภาพประเทืองปัญญา และบอกได้เลยว่านี่เป็นผลงานที่มีอารมณ์ความรู้สึกมากที่สุดของแกแล้วล่ะมั้ง

     พี่น้องอาจติว่าเราให้คะแนนน้อยไป ซึ่งนี่ก็วัดจากการรับชมครั้งแรกที่ยังจูนสมองให้ไปกับตัวหนังได้ไม่ค่อยดีนัก เชื่อว่าหากดูอีกสักรอบสองรอบก็คงจะเก็บเกี่ยวความดีงามจากหนังได้มากกว่านี้ และนี่แหล่ะคือเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของหนัง ผกก.Nolan เขาล่ะเนอะ


ปล.ดนตรีประกอบของ Hans Zimmer ยังคงส่งอารมณ์ของหนังได้อย่างดีเยี่ยม












*รีวิวหนังเรื่องอื่นของ ผกก.Christopher Nolan ภายในบล็อก*
 

วันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

The Equalizer (2014): จับเวลาบู๊

The Equalizer (2014): จับเวลาบู๊

     ลุง Denzel Washington กลับมาร่วมงานกับ ผกก.Antoine Fuqua อีกครั้งหลังจากเคยกอดคอกันได้ดิบได้ดีจาก Training Day (2001)

     หนังแอ็คชั่นทริลเลอร์เรื่องนี้สร้างจากทีวีซีรี่ส์ชื่อเดียวกันที่เคยออกอากาศช่วงกลาง-ปลายยุค 80 อันว่าด้วยเรื่องราวของอดีตสายลับสุดเก๋าที่ต้องลุกขึ้นมาปราบปรามเหล่าร้ายที่มีอยู่เกลื่อนสังคม

     เวอร์ชั่นโรงนี้ทำออกมาได้สุดติ่งกระดิ่งแมวดีแท้ ถึงพระเอกจะออกมาเก่งเทพแต่ก็ไม่ได้ดูน่าเบื่อหรือยัดฉากแอ็คชั่นมาจนเฝือแต่ประการใด

     ถึงลุงแกจะมากับมาดเข้มๆ ขรึมๆอย่างที่เราคุ้นเคย แต่ไอ้ภาพลักษณ์ของแกแบบนี้นี่แหล่ะที่ได้ใจแฟนๆ มาหลายเรื่องแล้วไม่ใช่หรอ และดูแกจะขยันทำการบ้านในการเพิ่มรายละเอียดอาการย้ำคิดย้ำทำลงไปในตัวละคร ทำให้ดูเป็นฮีโร่ที่แปลกแตกต่างดีทีเดียว

     การกลับมาป๊ะกันครั้งนี้จึงเป็นการดีสำหรับทั้งคู่อีกครั้ง โดยเฉพาะสำหรับด้าน ผกก.Fuqua ที่กลายเป็น ผกก.หนังแอ็คชั่นทริลเลอร์ระดับดีหนึ่งประเภทหนึ่งอีกครั้ง ส่วนลุง Washington ก็ได้หนังแฟรนไชส์มันส์ๆ มาไว้ในกระเป๋าอีกเรื่องเช่นเดียวกัน




ใครชอบหนังแอ็คชั่นแจ่มๆ เท่ๆ ที่ไม่ซัดกันจนเฝือ ก็จัดไปได้เลย 7/10

ปล.หนังประสบความสำเร็จด้วยดีแบบนี้ ภาคสองมีแน่







*ช่วงเพลงในหนัง*
Zack Hemsey
     สิ่งที่แจ่มอีกอย่างของหนัง The Equalizer คือเพลงประกอบที่คัดกันมาส่งเสริมความเท่ระทึกของหนังได้ดีมากๆ ยกตัวอย่างเช่นเพลงๆ นี้ของ Zack Hemsey คอมโพเซอร์หนุ่มชาวมะกันวัย 31 ขวบ ที่ถึงจะถูกเอาไปใช้มาหลายเรื่องแล้ว แต่เมื่อมาอยู่ในหนังเรื่องนี้ในฉากบู๊ช่วงไคลแมกซ์ก็ยังสามารถสร้างความระทึกแบบเท่ๆ ให้กับตัวหนังได้เป็นอย่างดี