วันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2554

The Round Up (2010): ชะตากรรมที่โลกทำลืม



ลิงก์
The Round Up (2010) :
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง (ค.ศ.1939-1945) ทหารเยอรมันยาตราทัพเข้าประเทศฝรั่งเศสได้อย่างสะดวกโยธินไร้การต่อต้านทางการทหารใดๆ ทั้งสิ้น เพราะทางการฝรั่งเศสเปิดประเทศต้อนรับเยี่ยงมิตรและพร้อมให้ความร่วมมือกับฝ่ายนาซีเป็นอย่างดี ซึ่งนั่นก็รวมถึงการสนองนโยบายกวาดล้างชาวยิวในฝรั่งเศสอีกด้วย


ป๋า Jean Reno ก็มากับเขาด้วย
และในวันที่ 16 และ 17 ก.ค.1942 ตำรวจฝรั่งเศสก็ได้รับคำสั่งจากเบื้องบนให้ออกปฏิบัติการ'ลมฤดูใบไม้ผลิ' ซึ่งคือการกวาดต้อนชาวยิวจำนวนกว่า 13,152 คนทั่วประเทศ ไปรวมกันไว้ในค่ายกักกัน ก่อนจะส่งมอบชาวยิวให้ทางนาซีนำไปสังหารหมู่อีกที ซึ่งในจำนวนนั้นมีคนที่รอดชีวิตมาเพียง 25 คนเท่านั้น ที่น่าเศร้าคือเด็กๆ จำนวนกว่า 4,051 คนไม่มีใครรอดชีวิตกลับมาได้เลยสักคนเดียว


เป็นชาวยิวนั้นแสนชีช้ำ
ภาพยนตร์ดราม่าประวัติศาสตร์ของ ผกก.หญิง Rose Bosch เรื่องนี้เล่าถึงชะตากรรมของชาวยิวในเหตุการณ์สุดสลดครั้งนั้น ซึ่งจะว่าไปแล้วนี่ก็เปรียบเหมือนหนัง Schindler's List (1993) เวอร์ชั่นฝรั่งเศสนั่นเอง เพียงแต่ว่าไม่มีฉากโหด ไม่มีฉากการฆ่าทารุณ ไม่มีวีรบุรุษมีแต่บรรดาชาวบ้านฝรั่งเศสบางคนที่ให้ความช่วยเหลือชาวยิวหลบหนี แต่เรื่องราวก็ชีช้ำสะเทือนใจไม่แพ้กันเลยทีเดียว


เด็กน้อยเหล่านี้ไม่มีวันได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่
หนังเปิดเรื่องด้วยภาพฟุตเตจจริงของฮิตเลอร์พร้อมลิ่วล้อที่ขับรถชมวิวในกรุงปารีสอย่างผู้พิชิต ซึ่งบรรดาตำหนวดฝรั่งเศสก็ให้การอารักขาตะเบ๊ะยามขบวนรถผ่านอย่างแข็งขัน ซึ่งก็น่าชีช้ำหนักขึ้นไปอีกเมื่อทางการฝรั่งเศสกลับส่งมอบคนชาติเดียวกัน (แต่ต่างเชื้อชาติ) ให้ไปตาย ดีที่ชาวบ้านชาวช่องส่วนใหญ่นั้นไม่ได้เห็นดีเห็นงามกับการกระทำของรัฐบาลด้วย ดังนั้นที่รับผิดไปเต็มๆ ก็น่าจะเป็นผู้นำฝรั่งเศสในยุคโน้นนั่นเอง (จนมาถึงปี 1995 สมัย ปธน.Jacques Chirac นั่นแหล่ะรัฐบาลถึงได้ออกมาขออภัยชาวยิวต่อเหตุการณ์ครั้งนั้นอย่างเป็นทางการ)


สาวงามมักโดนตำหนวดเพ่งเล็ง
ถึงจะไม่เด็ดขาดเท่า Schindler's List แต่ก็ดูชีช้ำได้ในทางของตน คนที่ชอบดูหนังประวัติศาสตร์ หรือหนังที่เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่สองจึงไม่ควรพลาด เพราะจะทำให้เห็นภาพในมุมกว้างมากขึ้น และตอกย้ำให้เราเห็นว่าครั้งหนึ่งก็เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในโลกเบี้ยวๆ ใบนี้มาแล้ว ซึ่งก็แน่นอนว่ามันจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่นอน ตราบใดที่มนุษย์เรายังคงตั้งหน้าตั้งตาแบ่งพรรคแบ่งพวก หรือเห็นว่าตนดีกว่าและดูถูกเหยียดหยามคนอื่นที่ด้อยกว่าเช่นนี้
  • + หนังเล่าเรื่องสะเทือนใจได้ชวนติดตาม ดราม่าแจ่ม งานสร้างดีเยี่ยม นักแสดงเข้าท่า ให้ความรู้ทางประวัติศาสตร์อีกต่างหาก
  • - หนังไม่เสนอด้านโหดร้ายเท่าที่ควร ทำให้สถานการณ์ดูไม่ชีช้ำ กดดันเท่าไหร่

*ปล.ข้อมูลทางประวัติศาสตร์คัดมาจาก wikipedia จ้า*




*รีวิวหนังที่เกี่ยวกับชาวยิวในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองเรื่องอื่นๆ ภายในบล็อก*

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น