วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Melancholia (2011): สุดติสท์วันสิ้นโลก


Melancholia (2011) :
หลังจากผลงานเรื่องก่อนอย่าง Antichrist (2009) ออกมาแร๊งส์ซะจนหลายคนพากันฮือฮาฮาฮือซะยกใหญ่ คอหนังทั่วสารทิศต่างก็จับตามองว่า ผกก.Lars von Trier จะมีอะไรเด็ดๆ มาฝากอีกหนอ และผลงานล่าสุดของเขานี้ถึงแม้จะงดหลอนงดซาดิสม์ไม่ฉาวเท่าเดิม แต่ก็ยังสร้างความฮือฮาได้โขอยู่ เพราะเฮียแกเล่นทำหนังดราม่าไซไฟแนววันสิ้นโลกแบบติสท์ๆ มันซะเลย (ป๊าด!?)


Lars von Trier กับหนังดราม่าไซไฟ!?
หนังเล่าเรื่องของพี่น้องสองสาว Justine (Kirsten Dunst จาก Elizabethtown [2005]) และ Claire (Charlotte Gainsbourg จาก Antichrist [2009]) ที่ต่างดูเหมือนจะมีชีวิตอันแฮปปี้ดีแทคเพราะคนหนึ่งก็เพิ่งจะเข้าพิธีวิวาห์ ส่วนอีกคนก็มีครอบครัวที่แสนอบอุ่น แต่การที่ดาวเคราะห์อิสระ (rogue planet) ดวงเบิ้มที่ชื่อ Melancholia กำลังจะโคจรมาชนโลกอยู่รอมร่อ ก็ทำให้ชีวิตของพวกเธอเปลี่ยนไปตลอดกาล


แจ๊ค บาวเออร์ โผล่มาได้ไงเนี่ย?
แค่เริ่มต้นขึ้นมาก็ติสท์สไตล์ทั่น von Trier แล้ว ด้วยภาพแนวสโลโมชั่น สวยงามแปลกตา แต่ชวนงงดั่งภาพฝัน ซึ่งเปรียบเสมือนการโหมโรงว่าเราจะได้เห็นอะไรจากตัวหนังบ้าง และพอเข้าสู่เรื่องราวก็แบ่งหนังออกเป็นสองส่วนคือเรื่องราวของ Justine และ Claire ตามลำดับ โดยมีนักแสดงสมทบที่มีชื่อเสียงเพียบไม่ว่าจะเป็น Kiefer Sutherland (ที่ดูยังไงก็ยังเป็น แจ๊ค บาวเออร์ จาก 24 อยู่ดี) หรือ Alexander Skarsgård และนักแสดงรุ่นใหญ่อีกหลายคน


สาว Kirsten Dunst วาดลวดลายเต็มที่ในหนังเรื่องนี้
แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นหนังแนวสิ้นโลกแต่ ผกก.เขาไม่แสดงให้เห็นผลกระทบแก่คนหมู่มากแบบหนังแนวนี้ทั่วไป แต่เน้นเสนอและวิเคราะห์สภาวะจิตใจของสองพี่น้องในเรื่องซะมากกว่า ซึ่งสาว Dunst และเจ๊ Gainsbourg ต่างก็ทำหน้าที่ได้ดีมาก (โดยเฉพาะสาว Dunst ที่กล้าโชว์อล่างฉ่าง) หนังสามารถสร้างความหวาดผวาได้ในยามที่ดาวเคราะห์ใกล้ชนโลกเข้ามาทุกที ซึ่งอาจจะมีลุ้นได้มากกว่าหนังแนวนี้หลายเรื่องด้วยซ้ำไป


งานด้านภาพแนวและดูสวยได้อีก
และแน่นอนว่าหนังของ ผกก.von Trier ก็ไม่ใช่จะดูแล้วปลื้มทุกคน ถึงหนังจะดูแล้วไม่ชีช้ำเท่าเรื่องก่อนๆ แต่ก็มีช่วงเอื่อยๆ เซ็งๆ อยู่ ทั้งการเสนอเรื่องราวของตัวละครไม่กี่คนและไม่มีฉากวินาศสันตะโรให้เห็นก็อาจทำให้บางคนผิดหวังเอาก็ได้ รวมทั้งการที่หนังให้สาว Dunst และเจ๊ Gainsbourg มาเล่นเป็นพี่น้องกันเนี่ยก็ดูแปลกๆ เพราะนอกจากเค้าหน้าจะไม่เหมือนกันแล้ว สำเนียงยังเป็นอเมริกันคนเป็นอังกฤษคนซะอีกต่างหาก (เก๋จริงๆ นะเพ่ อิอิ)


ภาพ Ophelia ที่เป็นต้นแบบให้ซีนเจ้าสาวลอยน้ำในหนัง
ผกก.เขาบอกว่าอยากเสนอแนวคิดที่ว่า คนเราที่ปกติเป็นคนวิตกจริตนั้นเวลาเจอวิกฤตมักจะสงบนิ่งเพราะคาดหวังไว้อยู่แล้วว่าต้องเจอเรื่องร้ายๆ แต่ในขณะเดียวกันสำหรับคนที่คิดว่าควบคุมสติตนเองได้ เวลาเจอวิกฤตก็มักจะสติแตก เพราะไม่คาดคิดว่าจะต้องเจอเหตุการณ์เช่นนี้เข้า แต่ว่าก็ว่าเหอะถ้าเกิดมีดาวเคราะห์จะโคจรมาชนโลกจริงๆ ใครจะไปใจเย็นตึ้บอยู่ไหวล่ะเนอะ เหอๆ
  • + Lars von Trier ชื่อนี้รับประกันคุณภาพอีกแล้วครับทั่น ดูแล้วไม่ชีช้ำเท่าเรื่องก่อนๆ ของแกด้วยนะ
  • - ถึงจะมีเรื่องราววิกฤตระดับโลก แต่หนังยังมีช่วงเอื่อย ช่วงเบื่อ ซึ่งหนังแบบนี้ไม่ใช่จะชอบกันได้ทุกคนหรอกจ้า





*ช่วงเพลงในหนัง*

Richard Wagner
หนังได้ชื่อว่าใช้เพลงประกอบเยอะที่สุดในบรรดาหนังของ ผกก.Lars von Trier (แถมใช้ซีจีเยอะด้วยนะ) โดยเฉพาะการที่ ผกก.เขาเลือกเพลงคลาสสิคของ Richard Wagner คอมโพเซอร์ชาวเยอรมัน มาใช้ในหนังเป็นหลัก ซึ่งก็คือเพลงบางส่วนจากโอเปร่าเรื่อง Tristan und Isolde ซึ่งแต่งตั้งแต่ปี 1865 เลยโน่น ซึ่งพอมาใช้ในหนังเรื่องนี้ก็สร้างบรรยากาศขลังปนแนว ให้กับตัวหนังได้เป็นอย่างดี ว่าแล้วเราก็มีมาให้ฟังกันจ้า

MP3: Richard Wagner - Tristan und Isolde-Prelude and Liebestod


*รีวิวหนังของ ผกก.Lars von Trier เรื่องอื่นๆ ภายในบล็อก*


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น