วันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Boardwalk Empire (2010): เรียกข้าว่า... 'เจ้าพ่อ'


Boardwalk Empire (2010) :
ก็ผ่านไปแล้วสำหรับซีซั่นแรก(ที่มีทั้งหมด 12 ตอน)ของซีรี่ส์แนวดราม่าอาชญากรรมย้อนยุคจาก HBO เรื่องนี้ ซึ่งเกิดมาจากการสร้างสรรค์โดย Terence Winter ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของซีรี่ส์สุดฮิตอย่าง The Sopranos แถมยังมีทีเด็ดตรงที่ได้ ผกก.ในตำนานผู้ช่ำชองหนังแนวแก๊งสเตอร์อย่างป๋า Martin Scorsese มาเป็น Executive producer และยังให้เกียรติกำกับตอนไพล็อทอีกด้วย (แม้แต่ดาราหนุ่ม Mark Wahlberg ก็ขอมาทำหน้าที่เป็นโปรดิวซ์เซอร์ให้ในบางตอน)


พระเอกเราไม่หล่อแต่ก็(ไม่)เร้าใจ
ส่วนเรื่องราวของซี่รี่ส์นั้นก็ขอพาย้อนไปในอเมริกาช่วงปี 1920 เพื่อโฟกัสถึงชีวิตของ Enoch "Nucky" Thompson (รับบทโดย Steve Buscemi จาก Grown Ups [2010]) ผู้กว้างขวาง(เจ้าพ่อนั่นแหล่ะ)แห่งเมือง Atlantic City ในรัฐ New Jersey อเมริกา ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวตากอากาศที่รุ่งโรจน์สุดๆ ในสมัยนั้นจนถูกขนานนามว่าเป็น "สนามเด็กเล่นของโลก"เลยทีเดียว


เสื้อผ้าหน้าผมฉากเฉิกอลังการเต็มที่
แน่นอนที่คนจะเป็นเจ้าพ่อนั้นต้องยุ่งเกี่ยวกับสิ่งผิดกฏหมายแน่ ไม่ว่าจะเป็นเหล้าเถื่อน(ในยุคนั้นเหล้าถือว่าเป็นสิ่งผิดกฏหมายในอเมริกา) การหักเหลี่ยมเฉือนคมช่วงชิงอำนาจและผลประโยชน์กับแก๊งมาเฟียถิ่นอื่นๆ หรือการเมืองระดับชาติแสนสกปรก ในขณะเดียวกัน Nucky ก็ต้องรับมือกับปัญหาครอบครัว คนรอบข้าง ความรัก และเรื่องราวเข้มข้นอีกมากมาย ที่เราจะได้เห็นกันในทั้ง 12 ตอนของซีซั่นแรกนี้


90 ปีที่แล้วเขาแต่งตัวกันยังไงก็ดูกันได้
แค่ตอนไพล็อทโดยฝีมือของป๋า Scorsese ก็ออกมาเข้มข้นชวนติดตามมากๆ แล้ว ในขณะที่ตอนต่อๆ มาก็ยังรักษาอารมณ์ ความเข้มข้น ได้ไม่ทิ้งห่างกันเลย แม้ซีรี่ส์จะเต็มไปด้วยฉากสนทนา การนำเสนอที่ไม่หวือหวาเป็นหลัก แต่บทจะรุนแรงก็รุนแรงใช่ย่อยเลย แถมยังจะโป๊โจ๋งครึ่มเกินหน้าหนังทีวีทั่วไปเสียด้วยสิ ทางด้านนักแสดงก็มีแต่ดาราคุณภาพ คุ้นๆ หน้าทั้งนั้น โดยเฉพาะตัวละครเอกที่รับบทโดยน้า Buscemi (นักแสดงคุณภาพที่ระยะหลังๆ ชอบแต่เล่นบทตลก)ซึ่งถึงจะไม่หล่อแถมแก่อีกต่างหาก แต่ก็ยังเล่นได้ดีมีเสน่ห์ซื้อใจคนดูได้สบายมาก


มาเฟียสมัยนั้นเป็นยังไงก็จะได้เห็นกัน
นอกจากความสนุกของเนื้อหาแล้ว ดูเหมือนผู้สร้างจะใส่ใจเรื่องความถูกต้องแม่นยำทางประวัติศาสตร์มากพอดู ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจที่เราจะได้เห็นสภาพบ้านเมืองและความเป็นอยู่ (ของอเมริกันชน)ในยุค 90 ปีที่แล้ว(ซีรี่ส์ทุ่มทุนมากๆ ในด้านโปรดักชั่น) และได้เห็นจุดเริ่มต้นของยุคแก๊งมาเฟียครองเมือง(อเมริกา)อีกด้วย ไม่แน่ใจว่าเราจะได้ดูซีซั่นที่สองกันเมื่อไหร่ แต่สำหรับซีซั่นแรกนี้ก็นับว่าเป็นซีรี่ส์ระดับคุณภาพคับจอที่แจ่มมากๆ อีกเรื่องของปีนี้ คอหนังซีรี่ส์เนื้อหาเข้มข้นและคอหนังแก๊งสเตอร์ทราบแล้วเปลี่ยนจ้า


ป๋า Martin Scorsese มากำกับตอนไพล็อทให้ด้วย
  • จุดเด่น: เป็นซีรี่ส์ดราม่าอาชญากรรมอลังการงานสร้างระดับคุณภาพ โดยผู้สร้าง The Sopranos และยังมี Martin Scorsese มาดูแลตลอดงานอีกด้วย พลาดไม่ได้เลยนะเนี่ย
  • จุดด้อย: เรื่องราวส่วนใหญ่หนักไปทางบทสนทนา และทั้งโป๊ทั้งรุนแรงระดับน้องๆเรต ฉ 20+






*อันเนื่องมาจากหนัง*
สำหรับคนที่ไม่เคยได้ยินชื่อของ Enoch "Nucky" Johnson มาก่อน(อย่างเช่นเรา) ทางบล็อกก็ขอนำข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับเขามาให้ได้อ่านกันจ้า


Enoch "Nucky" Johnson ตัวจริง
Enoch Lewis "Nucky" Johnson (20 ม.ค.1883 - 9 ธ.ค.1968) คือชายผู้เป็นทั้งนักการเมืองตัวยงและเจ้าพ่อผู้ประกอบธุรกิจผิดกฏหมายตัวเอ้ เขาเป็นชาว New Jersey โดยกำเนิด และได้เป็นนายอำเภอแห่ง Atlantic City ในขณะอายุได้ 25 ขวบ ก่อนจะเข้าสู่แวดวงการเมืองในเวลาต่อมาโดยได้เป็นเรี่ยวแรงสำคัญของพรรครีพับลิกัน และกลายเป็นเจ้าพ่อแห่ง Atlantic City ไปโดยปริยาย

ต่อมาเมือง Atlantic City ก็กลายเป็นแหล่งพักผ่อนตากอากาศของนักท่องเที่ยว เขาจึงได้เนรมิตที่นี่ให้เต็มไปด้วยสถานบันเทิง คาสิโน ไว้รองรับนักท่องเที่ยวครบครัน แม้แต่ในยุคที่เหล้ากลายเป็นสิ่งผิดกฏหมายในอเมริกา(ค.ศ.1919-1933) เขาก็จัดหาเหล้าเถื่อนมาบริการและหักเปอร์เซนต์จากทุกคนที่นำเข้ามาจำหน่ายในเมืองอีกด้วย
เรียกได้ว่าทำทั้งธุรกิจถูกกฏหมายและผิดกฏหมายก็รุ่งไปหมดว่างั้นเถอะ

หลังจากครองความเป็นใหญ่กว่า 30 ปี ในที่สุดเขาก็ถูกทางการเล่นงานจนได้ (หลังจากที่ถูกเขม่นมานานแล้ว) ในข้อหาหลีกเลี่ยงภาษี จนต้องเข้าไปนอนตารางในปี 1941 ขณะอายุได้ 58 ขวบ และอยู่ในคุกได้ 4 ปีก็ได้รับทัณฑ์บนถูกปล่อยเป็นอิสระ และออกมาใช้ชีวิตที่ไม่หวือหวาดังเช่นอดีต ก่อนที่จะเสียชีวิตไปเมื่อปี 1968 เมื่อมีอายุได้ 85 ขวบ

ทุกวันนี้คนรุ่นหลังต้องไม่รู้จักเขาแน่ แต่คงจะไม่ใช่อีกต่อไป เพราะได้มีซีรี่ส์เรื่องนี้ออกมาทำให้โลกได้รู้จักกับชายที่ชื่อว่า
Enoch Lewis "Nucky" Johnson อีกครั้งหนึ่ง


*คัดข้อมูลมาจาก wikipedia.org จ้า*



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น